30 ปี 'SIIT ธรรมศาสตร์' ยกระดับสู่ 'Education Hub' ตอบโจทย์การศึกษา วิจัยและธุรกิจ

‘SIIT ธรรมศาสตร์’ จัดงานเสวนาเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ก่อตั้งสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะ #วิศวะอินเตอร์ แห่งแรกของไทย “รองปลัด อว.” ชี้ ยุคทองของมหาวิทยาลัยสิ้นสุดไปแล้ว สถาบันการศึกษาต้องผลิตบัณฑิตตอบโจทย์อุตสาหกรรม เน้น High Value Technology ด้าน “ศ.ดร.พฤทธา” จ่อยกระดับ SIIT สู่การเป็น “Education Hub” ชูบทบาททางด้านการศึกษา วิจัย และธุรกิจของภูมิภาค

30 มิ.ย.2565 - สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดกิจกรรม “SIIT 30th Anniversary: Learning for the future” เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี การก่อตั้งสถาบัน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2565 โดยมีคณะผู้บริหาร มธ. คณาจารย์ ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ รวมถึงนักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่า เข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น

รศ.ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยในเวทีเสวนาวิชาการภายในงานว่า ยุคทองของมหาวิทยาลัยที่มีคนแย่งกันสอบเพื่อเข้าเรียนนั้นได้หมดไปแล้ว เด็กยุคใหม่มีความศรัทธาในวุฒิการศึกษาน้อยลง ประกอบกับสถานการณ์เด็กเกิดน้อย นั่นทำให้ประเทศไทยเหลือที่ว่างในระดับปริญญาตรีจำนวนมาก จากข้อมูลพบว่าเรามีที่นั่งมากถึง 1.4 แสนที่นั่ง แต่มีเด็กเข้าสู่ระบบเพียง 8 หมื่นที่นั่งเท่านั้น ที่สุดแล้วมหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องลดปริมาณห้องเรียน และลดจำนวนอาจารย์ผู้สอนลง

รศ.ดร.พาสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงเวลาที่มหาวิทยาลัยต้องทบทวนและออกแบบวิธีคิดใหม่ เพื่อผลิตบุคลากรที่สอดคล้องความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และความต้องการของผู้เรียนให้มากขึ้น ซึ่งหากมองในมิติทางเศรษฐกิจแล้ว ประเทศที่พัฒนาจะแบ่งผลิตภัณฑ์และบริการออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. สินค้าเกษตรและอาหาร (Agriculture & Foods) 2. กลุ่มสินค้าสร้างสรรค์ (Creative) 3. กลุ่มสินค้ามูลค่าสูง (High Value Technology)

อย่างไรก็ตาม เมื่อหันกลับมาดูประเทศไทยพบว่าผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่ม High Value Technology มีไม่เพียงพอ ในขณะที่เรากลับมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นสถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัยจึงควรเข้ามาสนับสนุนเรื่องนี้ เช่น การให้หน่วยวิจัยศึกษาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าที่มีอยู่เดิม เช่น ข้าว มัน ปาล์ม ยาง ฯลฯ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน วิกฤตเงินเฟ้อ น้ำมันแพง การขึ้นดอกเบี้ย ฯลฯ ในขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตน้อยกว่าอีกหลายประเทศในอาเซียน และดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมก็ลดลง ฉะนั้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเองก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับภาคการศึกษาด้วยเช่นกัน

“วันนี้ภาคอุตสาหกรรมต้องการในเรื่องของการลดต้นทุน การเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิต การตลาด การสื่อสาร สิ่งเหล่านี้ต้องการได้บุคลากรเข้ามาช่วย จึงเป็นเรื่องดีหากภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยเข้ามาเชื่อมกัน ออกแบบความต้องการที่ไปด้วยกันได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งต่อไปรูปแบบของการเรียนการสอนก็อาจมีความเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น และไม่ได้เรียนอยู่เฉพาะในห้องเรียน แต่ต้องมาฝึกประยุกต์ใช้กับสถานการณ์จริง ซึ่งหลักสูตรปริญญาตรีก็อาจเหลือเรียนแค่ 3 ปีก็ได้ พอปี 4 ค่อยกลับมา Upskill ในแต่ละจุด ผนวกกับรูปแบบของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่ทุกคนจะสามารถเข้ามาเพิ่มทักษะได้ตลอดเวลา” นายสุพันธุ์ กล่าว

ศ.ดร.พฤทธา ณ นคร ผู้อำนวยการ SIIT กล่าวว่า โจทย์ของภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่คือเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่ไม่มีการ Transform ก็จะไม่มีทางชนะ แต่ธุรกิจจำนวนมากกลับยังไม่รู้ว่าจะ Transform อย่างไร หรือ Transform ตรงไหน จึงเป็นหน้าที่ของสถาบันการศึกษาที่จะเข้าไปชี้ให้เห็นว่าตรงไหนควรพัฒนาหรือปรับปรุง ซึ่งปัจจุบัน SIIT ได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษากับภาคอุตสาหกรรมในการสร้างบัณฑิต

“ปัจจุบันโจทย์ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไป SIIT จึงต้องทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อความต้องการของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเข้ากับการผลิตบัณฑิตยุคใหม่ และเปิดโอกาสให้นักศึกษามีประสบการณ์จริงจากการศึกษา วิจัย และแก้โจทย์ธุรกิจจริงๆ ซึ่งหากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ขณะนี้ SIIT ได้ข้ามผ่านเฟส 1 ที่เน้นเรื่องการให้การศึกษา และเฟส 2 ที่ให้ความสำคัญกับงานวิจัยมาแล้ว ปัจจุบันอยู่ในเฟส 3 ที่จะต้องตอบโจทย์ธุรกิจอุตสาหกรรมได้ทั้งในไทยและภูมิภาคให้ได้” ศ.ดร.พฤทธา กล่าว

ศ.ดร.พฤทธา กล่าวอีกว่า กว่า 90% ของนักศึกษา SIIT ระดับปริญญาโทและปริญญาเอก เป็นชาวต่างชาติ เมื่อเขาเหล่านั้นสำเร็จการศึกษาและกลับไปทำธุรกิจหรือทำงานในภาคส่วนต่างๆ ในประเทศตัวเอง ก็จะเป็นโอกาสและช่องทางที่ดีที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเราตั้งเป้าในก้าวต่อไปว่าจะยกระดับ SIIT สู่การเป็น Education Hub ของภูมิภาค ซึ่งนอกจากเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาและวิจัยแล้ว จะช่วยเชื่อมต่อประเทศไทยเข้ากับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมนานาชาติด้วย

ทางด้าน รศ.ดร.วิริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในอดีต ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมจะแข่งขันกันเรื่อง QCD ในแง่ของคุณภาพ การพัฒนา ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล แต่ปัจจุบันมีแนวคิดเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โมเดลเศรษฐกิจ BCG ภาษีคาร์บอน ฯลฯ ฉะนั้นถัดจากนี้ ภาคธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อม เพิ่มมากขึ้น

“วันนี้เรามองว่าเรื่องของการวิจัย เรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ เป็นสิ่งที่ทางสถาบันการศึกษาอย่าง SIIT ก็สามารถเข้ามาช่วยได้ ด้วยเรื่องของวิชาการ แนวทางความรู้ ที่สามารถมาช่วยเสริมการทำงานของ กนอ. ให้ขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์ของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตจะเกิดความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา และภาคอุตสาหกรรม ที่เข้ามาช่วยกันทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความยั่งยืนต่อไปได้” รศ.ดร.วิริศ กล่าว

อนึ่ง SIIT ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2535 ภายใต้ความร่วมมือของ 3 องค์กรระดับประเทศ ได้แก่ มธ. สมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น ซึ่งเห็นพ้องร่วมกันที่จะผลิต “กำลังคน” ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่โลกมีความต้องการวิศวกร นักเทคโนโลยี และนักวิจัย จึงเปิดสอนหลักสูตร “วิศวกรรมศาสตร์นานาชาติ” หรือ #วิศวะอินเตอร์ แห่งแรกของประเทศไทย

ทั้งนี้ ปัจจุบัน SIIT เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติด้านวิศวกรรมศาสตร์และการจัดการ ในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ห่วง! น้ำลด แต่ความเครียดยัง 'วิกฤต'

นักวิชาการ มธ. ชี้ ระดับน้ำหาดใหญ่ลด แต่ระดับความเครียดยังวิกฤต เสนอบูรณาการจัดระบบช่วยเหลือด้านจิตใจเร่งด่วน แนะเฝ้าระวังผู้ประสบภัย 3 กลุ่ม ห่วงประชาชนเสพข่าวมากอาจเข้าสู่โหมด Survivol Guilt รู้สึกผิดที่ตัวเองรอดแต่คนอื่นไม่รอด ขณะที่ “ธรรมศาสตร์” จับมือวุฒิสภา-หน่วยงานรัฐ-เอกชน จัดทำฐานข้อมูลน้ำท่วมอย่างเป็นระบบระดับประเทศ 

นักวิชาการ มธ. หนุนมาตรการ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์ตั้งแต่บาทแรก สร้างความเป็นธรรม SME ไทย

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ชื่นชม “กรมศุลกากร” เก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่ขายผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce ทุกชิ้น ตั้งแต่บาทแรก ระบุเป็น

อดีตบิ๊กข่าวกรอง แนะ 'อธิการ มธ.' สอบเรื่องใหญ่กระทบใจคนไทยใน มธ. ก่อนโดน ม.157

อดีตบิ๊กข่าวกรอง สะกิด อธิการ มธ. เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กระทบใจคนไทย​ ที่รักพระพันปีหลวง หากไม่ทำอะไรเลย​ ปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ ระวังจะมีคนฟ้อง​ 157

เปิด 3 หลักสูตรใหม่ผลิตคน SDGs ช่วงชิงความได้เปรียบให้ไทย ลุย Green Economy มูลค่า 300 ล้านล้าน

“ธรรมศาสตร์” ลมใต้ปีกประเทศไทย ประกาศเปิด 3 หลักสูตรใหม่ ผลิตกำลังคนด้าน SDGs ช่วงชิงความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ เสริมกำลัง “รัฐ-เอกชน-อุตสาหกรรม” พร้อมลุย Green Economy มูลค่ากว่า 300 ล้า

'ธรรมศาสตร์' ผนึก ASMG ทำแนวทางรักษา H.pylori ระดับอาเซียนใหม่ ช่วยหลายร้อยล้านคนรอด 'มะเร็งกระเพาะ'

ธรรมศาสตร์ ผนึก “ASMG - ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ” จัดทำแนวทางการรักษาเชื้อ H.pylori ระดับภูมิภาคอาเซียนฉบับใหม่ ยกระดับมาตรฐาน – เพิ่มประสิทธิภาพการรักษ

นักวิชาการ ชี้บริจาคโดยเสน่หาไม่มีสิทธิเรียกคืน ยกเว้นใช้ผิดวัตถุประสงค์

นักวิชาการธรรมศาสตร์ แนะตรวจสอบความน่าเชื่อถือ “มูลนิธิ” อย่างง่าย ผ่านฐานทะเบียนข้อมูลกรมการปกครอง-ฐานข้อมูลในระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร ชี้หากบริจาค