'สามารถ' พ้นมลทิน หวัง 'บิ๊กป้อม' คืนความเป็นธรรม

แฟ้มภาพ

3 ก.ค.2565 - นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ความยุติธรรม​มีอยู่จริง​แต่ต้องแสวงหา​ และ​ รอคอย...

ผ้าสีขาว ยังไงมันก็ขาว​ ต่อให้มีคนเอาสีดำมาป้าย​ พอฝนตกน้ำล้าง​ ผ้ามันก็กลับมาขาวเหมือนเดิม​

วันนี้ผมได้รับความยุติธรรมแล้ว จากกรณีที่ผมได้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม เนื่องมาจากมีข่าวว่าถูกร้องเรียนส่งลูกน้องไปเรียน-สอบหลักสูตรภาษาอังกฤษระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น​ ซึ่งไม่ใช่ความจริง​แต่อย่างใด​

บัดนี้​ กองกิจการนักศึกษา งานวินัยนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ส่งหนังสือมาถึงตนเองวานนี้(1ก.ค.) แจ้งผลการพิจารณาสอบวินัยนักศึกษา โดยส่งหนังสือบันทึกข้อความเลขที่ อว.0601.0101/งปพ.734 ลงนามโดย ผศ.เตมีย์ ระเบียบโลก รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ประธานกรรมการสอบวินัยนักศึกษา โดยลงวันที่ 22 มิถุนายน 2565 มีเนื้อหาว่า ตามคำสั่งมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ 3437/2564ลงวันที่28ตุลาคม2564 เรื่องการแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยนักศึกษานั้น บัดนี้ คณะกรรมการสอบวินัยนักศึกษา ได้พิจารณาและรายงานผลการสอบวินัยนักศึกษาต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบวินัยนักศึกษา เสนอให้ยุติเรื่อง ตามนัยมติที่ประชุม ก.บ.ม.ร.ครั้งที่14/2556 วาระที่ 5.53 วันที่ 8 มิถุนายน 2565​

ดังนั้น​จากกรณีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้มีหนังสือส่งมาแจ้งให้ทราบถึงผลการสอบ ว่าผมไม่มีความผิดทางวินัยนักศึกษาและไม่ถูกตัดสิทธิ์อะไรทั้งสิ้น เพราะเรื่องสอบสวนของผมไม่มีมูล จึงต้องยุติเรื่อง

สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบของมหาวิทยาลัย ที่ใช้เวลานานนั้น เนื่องมาจากทางคณะกรรมการสอบสวนได้สืบ หาข้อมูลจากหลายบุคคลสอบพยานหลายสิบปากเพื่อให้เกิดความกระจ่างและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มีทั้งเจ้าหน้าที่ อาจารย์ ตำรวจที่ปรากฏชื่อในข่าวและทุกคนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ต่อจากนี้ผมก็ใช้สิทธิ​ตามนักศึกษา​ปริญญาเอกทุกประการเหมือนไม่เคยมีเรื่องเกิดขึ้น​

“กรณีที่เกิดขึ้นผมไม่ทราบว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดหรือเป็นเรื่องหวังผลทางการเมือง โดยมีคนเขียนข่าวขึ้นมาแล้วยัดใส่มือนักข่าว ซึ่งมีการเสนอข่าวไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้องและเกิดผลเสียกับผม

แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบและไม่ได้มีการชี้แจงเพราะคิดว่าความจริงก็คือความจริง ซึ่งครั้งนั้นผมก็ได้แสดงสปิริตลาออกเองจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม และพรรคพลังประชารัฐไม่ได้มีหนังสือปลดผมจากผอ.ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์พรรคฯ แต่เป็นเพียงมติคณะกรรมการสอบสวน​เท่านั้น​ ซึ่งไม่ใช่มติของพรรค​ อย่างเช่นล่าสุดกรณี​ ส.ส.​อาพิเชษฐ์ ก็ไม่เคยยอมรับมติกรรมการ​สอบ​สวนเช่นเดียวกัน​

ส่วน​ตัวผมไม่ได้รู้สึกเสียดายตำแหน่ง แต่ผมเสียดายโอกาส1ปี1เดือนที่ควรจะสามารถช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ถูกหลอกลวงฉ้อโกงจากมิจฉาชีพแชร์ลูกโซ่ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ระบาดเพิ่มขึ้นมากมายทุกวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คะแนนนิยมพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลดลงด้วยเช่นกัน

จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตผมขออโหสิกรรมให้ทุกคน แต่หลังจากนี้สื่อไหนที่ลงเผยแพร่เรื่องดังกล่าวขอให้ลบข้อมูลทิ้งให้หมด​ ที่ทราบมี​ workpoint คมชัดลึก​ ขอให้ลบภายใน​ 15 วัน​ ไม่งั้นจะให้ทีมกฏหมายยื่นฟ้องต่อศาล​ ถือว่าผมแจ้งแล้ว​ และถ้ามีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก ผมก็จะให้ทีมกฎหมายดำเนินคดีตามกฎหมายฟ้องทั้งแพ่งและอาญา ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏในโซเชียลและมีการแชร์นั้นเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์​ ซึ่งผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดประมวลกฏหมายอาญาข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาอย่างชัดเจน ดังนั้น จึงอยากให้สื่อทุกฉบับที่เคยเข้าใจผิดให้ลบข้อมูลนี้ทิ้งด้วย เพราะผมคิดว่าคงเป็นเรื่องการเมือง ณ เวลานั้น ซึ่งผมไม่ติดใจและก็ไม่อยากจะเอาผิดใคร”

และหลังจากนี้ผมก็จะทำหนังสือกราบเรียนท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แจ้งให้ท่านทราบข้อมูล ซึ่งผมมองว่าวันนี้ความบริสุทธิ์ยุติธรรม​เกิดขึ้นกับผม หลังจากที่ใช้เวลาต่อสู้ยาวนานมาถึง13เดือน

โดยต่อสู้ในฐานะประชาชนและไม่ได้ใช้อำนาจในทางการเมืองเพราะผมยื่นลาออกจากตำแหน่งแล้วตั้งแต่​ 1 พ.ค.2564 ก่อนจะมีคำสั่งของกรรมการ​สอบ​สวน เสียอีก เพื่อต้องการให้กระบวนการยุติธรรมโปร่งใสและเป็นธรรม โดยผมต่อสู้ในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และในวันนี้ความจริงก็ปรากฏแล้ว ผมมองว่าในทางการเมืองพลเอกประวิตร ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตาและให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากนี้ผมคิดว่าท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องให้ความเป็นธรรมและคืนความชอบธรรมให้กับผม เพราะพรรคพลังประชารัฐถือว่าเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นที่พึ่งของพ่อแม่​พี่น้อง​ประชาชน​ ต้องให้ความสำคัญ​ของ​เรื่อง​สิทธิ​และ​เสรีภาพ​

ในช่วงเวลาตลอดช่วง13เดือนที่ผ่านมา ผมก็ทำงานช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนมาโดยตลอด​ และยังทำหน้าที่ในกรรมาธิการที่ได้รับการแต่งตั้งจนแล้วเสร็จ อย่างเช่น กรรมาธิการวิสามัญ​ศึกษาปัญหายาเสพติด ได้พิจารณาจนจบ และเสนอสภาฯแล้ว ซึ่งถือว่าผมได้ทำภารกิจให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนจนเสร็จสิ้น รวมทั้งการทำงานในอนุกรรมาธิการในคณะต่างๆตามที่ได้รับมอบหมายจนลุล่วง

ผมมองว่าพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร เป็นผู้ใหญ่ที่หวังดีต่อประเทศ​ชาติ​บ้านเมือง ซึ่งผมคิดว่าบ้านเมืองมีหลายเรื่องที่ต้องแก้ไขปัญหา และหากเห็นว่าผมมีคุณสมบัติก็ยินดี กลับไปทำงานเพราะผม​เชื่อ​ว่าเรื่องไหนมันปัญหา​ใหญ่ให้ใช้คนเยอะ เรื่องไหนปัญหา​มันยากให้ใช้คนเก่ง ดังนั้น​สำหรับปัญหาการหลอกลวง ฉ้อโกงประชาชนที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดเพื่อล้วงเงินจากกระเป๋าประชาชนนั้น ผมว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาล​ต้อง​เร่ง​ทำ​ เพราะว่า​เป็น​1ใน12 เรื่องเร่งด่วน​ที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา​ และผมเชื่อว่าสุดเท้ายนั้นเป้าหมายของมิจฉาชีพคือเงิน ซึ่งผลลัพธ์ไม่เคยเปลี่ยน ซึ่งการแก้ปัญหานั้นจะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำงานทำงานเชิง​รุก และแก้กฎหมายให้มีความทันสมัยในการดำเนินจัดการกับอาชญากรทางการเงินทุกรูปแบบ เพราะกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันบทลงโทษไม่รุนแรงและฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ทำงานช้าจึงทำให้อาชญากรไม่เกรงกลัวต่อบทลงโทษ

แล้วผลร้ายตกมาที่พ่อแม่​พี่น้อง​ประชาชน​

ผมขอเป็นกำ​ลัง​ใจให้​ทุกคน​ที่​ สู้เพื่อ​ความยุติธรรม​ ความยุติธรรม​มีอยู่​ แต่ทุกท่านต้องสู้​ แล้วจะชนะ

ผมพร้อมยืนเคียงข้าง​ไปพร้อมกับพ่อแม่​พี่น้อง​ประชาชน​ทุกคน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จตุพร-วัชระ' จับมือฟาด 'ทักษิณ' สร้างบาดแผลให้ประเทศ

“จตุพร-วัชระ” จับมือฟาด “ทักษิณ”บาดแผลประเทศ “วัชระ” กังวลผู้นำการเมืองไม่มีรากเหง้าเป็นเครื่องมือต่างชาติครอบงำความคิดเด็กเยาวชนเป็นอันตรายต่อประเทศ

รมว.แรงงาน “พิพัฒน์” รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น นำความรู้ปรับใช้พัฒนาสังคม และประเทศ ในวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

วันที่ 17 มกราคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ศิษย์เก่าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง รับรางวัล “ศิษย์เก่าดีเด่น” จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ประจำปี พ.ศ. 2566

ม.รามคำแหง จัดงานวันสถาปนามหาวิทยาลัย ครบรอบ 52 ปี

มหาวิทยาลัยรามคำแหง เตรียมจัดงาน “วันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหง ครบรอบ 52 ปี” ชวนลูกพ่อขุนฯ ทั่วไทยน้อมรำลึกวันสำคัญใน “พิธีบวงสรวงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช”

แฉแผนโยนกระเบื้องล่อหยก 'พิธา' ถือหุ้นไอทีวี

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันการพบข้อมูลว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังคงถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัดมหาชน จนถึงปัจจุบัน

จบ! ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกคำขอของ 'สืบพงษ์' ให้ทุเลาถอดพ้นอธิการบดีม.รามฯ

ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา คำร้องที่ ๒๘๐/๒๕๖๖ คำสั่งที่ ๗๔๔/๒๕๖๖ ในคดีของศาล

ศาลปกครองกลาง พิพากษาเพิกถอนมติสภาม.รามฯ ถอด 'สืบพงษ์' พ้นอธิการบดีม.รามฯ

ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ บ. 12/2565 หมายเลขแดงที่ บ.116/2566 ระหว่าง นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ผู้ฟ้องคดี กับ สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ 1 ศาสตราจารย์ สมบูรณ์ สุข