'บิ๊กตู่' ปลื้มไทยเป็นที่ตั้งศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่

นายกฯ ยินดีความสำเร็จไทยได้รับเลือกเป็นสถานที่ตั้งศูนย์ ACPHEED เดินหน้าตามแผนพัฒนาสู่การเป็น ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ

24 ส.ค.2565 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและยินดีที่ไทย ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ตั้ง สำนักงานเลขาธิการของศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Center for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED)

นายอนุชากล่าวอีกว่า การได้รับเลือกดังกล่าวถือเป็นความสำเร็จของไทย และสาธารณสุขไทยอย่างมาก ภายหลังประเทศสมาชิกอาเซียนมีการเจรจาเพื่อเลือกประเทศที่ตั้งของศูนย์นี้มานานกว่า 2 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ของไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลก โดยภารกิจสำคัญของศูนย์ APHEED คือ การเสริมสร้างขีดสมรรถนะของภูมิภาคอาเซียนในการเตรียมความพร้อม การป้องกัน ตรวจจับ และตอบโต้ต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่

ทั้งนี้ ศูนย์ APHEED มีกำหนดเปิดตัว (Soft Opening) ในวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงการประชุมระดับสูงเอเปกว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 12 (APEC Health Week) โดยจะมีรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจากประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เข้าร่วมเปิดศูนย์ด้วย โดยศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ที่อาคารศูนย์การแพทย์บางรัก กรมควบคุมโรค ถนนสาทร

นายอนุชา กล่าวว่า การที่ ไทย เป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ ACPHEED นั้นแสดงให้ถึงความเชื่อมั่นของนานาประเทศต่อระบบสาธารณสุขของไทย ว่ามีความสามารถในการจัดการได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นที่จะเดินหน้าตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้ ไทย เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ซึ่งต้องขอบคุณความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน รวมถึงบุคลากรการแพทย์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ทุ่มเทเสียสละ ให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามวิกฤตไปได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย