นายกฯ หารือทูตตุรกี เห็นพ้องผลักดัน FTA สองประเทศ ยินดีหนุนท่องเที่ยวไทย

10 พ.ย.2564 - เวลา 13.30 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางแซรัป แอร์ซอย (H.E. Mrs. Serap Ersoy) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสาระสำคัญของการหารือว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตตุรกีฯ ที่ได้เข้ารับตำแหน่งในประเทศไทย ไทยยินดีที่จะสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตตุรกีฯ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-ตุรกีให้ก้าวหน้าต่อไป พร้อมขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จากจุดเด่นที่มีศักยภาพคล้ายคลึงกัน เช่น ทำเลที่ตั้งในจุดยุทธศาสตร์ของภูมิภาค ความเป็นพหุสังคม เพื่อขยายความร่วมมือระหว่างกัน รวมถึงความร่วมมือระดับภูมิภาค เช่น อาเซียน และ ACD และสอดคล้องกับนโยบาย Asia Anew ของตุรกีที่ให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียเพิ่มมากขึ้นด้านเอกอัครราชทูตตุรกีฯ ยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาดำรงตำแหน่งในประเทศไทย ไทยและตุรกีมีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นมิตรประเทศกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งไทยถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญของตุรกีมีศักยภาพในการเป็นประตูเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างภูมิภาค ตลอดจนเป็นประตูสู่ความร่วมมือในระดับอาเซียน พร้อมกล่าวยืนยันจะกระชับความสัมพันธ์ไทย – ตุรกีให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น สานต่อความร่วมมือที่อยู่บนผลประโยชน์ร่วมกันให้เป็นรูปธรรมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้ง การเจรจาจัดทำความตกลงFTA ระหว่างกัน และความร่วมมือระดับภูมิภาคนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตตุรกีฯ ต่างเห็นพ้องว่า ไทยและตุรกียังมีศักยภาพระหว่างกันในอีกหลายมิติ โดยได้หารือในประเด็นความร่วมมือระหว่างกัน ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ ตุรกียินดีที่จะแสวงหาความร่วมมือในการเสริมสร้างการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่ายในสาขาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะการเร่งเจรจาจัดทำความตกลง FTA ไทย - ตุรกี ให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 เพื่อโอกาสการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน

ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตตุรกีฯ ยินดีที่จะให้ส่งเสริมนักลงทุนไทยให้ลงทุนในตุรกีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนตุรกีเข้ามาลงทุนในเขต EEC เพิ่มมากขึ้น พร้อมเสนอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทยและแผนปฏิบัติการ Green Deal ของตุรกี ซึ่งทางเอกอัครราชทูตตุรกีฯ เห็นพ้องและชื่นชมวิสัยทัศน์โมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาแนวทางอุตสาหกรรมสีเขียว สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการของรัฐบาลตุรกีด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีเห็นควรที่จะผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนผ่านการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งไทยมีความพร้อมในการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางจาก ต่างประเทศ นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป โดยดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะพิจารณาเพิ่มเติมรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางต่อไปตามสถานการณ์ ด้านเอกอัครราชทูตตุรกีฯ ยินดีที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยหวังว่าจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้นในทั้งสองเส้นทางบิน เมื่อการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีชื่นชมศักยภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุขของตุรกี อาทิ การพัฒนาและผลิตวัคซีน TurkoVac (เทิร์คโคแวก) การฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนอย่างรวดเร็ว ซึ่งไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาและวิจัยวัคซีนเช่นเดียวกันด้านการป้องกันประเทศ นายกรัฐมนตรียินดีที่จะร่วมมือในระยะยาวกับตุรกีเพื่อสร้างความมั่นคงด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งทางเอกอัครราชทูตตุรกีฯ เห็นพ้องที่จะร่วมมือและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวต่อไปนอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนะให้ทั้งสองฝ่ายขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ โดยเฉพาะด้านเกษตรอัจฉริยะ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเพื่อให้เกิดความร่วมมือในมิติที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนหลังโควิด-19

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ แถลงเรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด

รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร

รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย