'บิ๊กตุ๊ด' จับเข่าคุย ผบ.ทอ.เมียนมาร์ ควันหลงบินล้ำแดน

10 พ.ย.2565 - พลอากาศเอก อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมการประชุม ผู้บัญชาการทหารอากาศอาเซียน ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 3 – 6 พฤศจิกายน 2565 ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดย พลจัตวา คำเหล็ก แสงพะจัน (Brigadier General Khamlek Sengphachanh) ผู้บัญชาการทหารอากาศลาว เป็นเจ้าภาพจัดประชุมฯ

พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า ผลการประชุม ผู้บัญชาการทหารอากาศอาเซียน ครั้งที่ 19 ภายใต้หัวข้อ ร่วมมือกันเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพ ในภูมิภาคอาเซียน “Together for Peace and stability of ASEAN” ผู้บัญชาการทหารอากาศอาเซียนทุกชาติ พร้อมสานความร่วมมือและดำรงความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นในทุกระดับเพื่อดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพความมั่นคงในภูมิภาค โดยทุกชาติเห็นถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ที่มีความท้าทายกับความมั่นคงในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภัยคุกคามที่เกิดจากธรรมชาติ

อาทิ แผ่นดินไหว ดินถล่ม หรืออุทกภัย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในวงกว้าง กองทัพอากาศอาเซียนเห็นถึงความสำคัญในการใช้ศักยภาพของกองทัพอากาศอาเซียนในภารกิจการบินค้นหาและช่วยชีวิตรวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งกองทัพอากาศอาเซียน ได้ดำเนินการจัดทำคู่มือการปฏิบัติ ASEAN Air Forces SOP on HADR เพื่อเป็นแนวทางในการฝึกร่วม/ผสม ระหว่างกองทัพอากาศอาเซียนต่อไป โดยในการประชุม ผู้บัญชาการทหารอากาศอาเซียน ครั้งที่ 19 นี้ กองทัพอากาศยินดีจัดการฝึกผสมกองทัพอากาศอาเซียน ในปี 2568 ณ ประเทศไทย และกล่าวเชิญชวน ผู้บัญชาการทหารอากาศอาเซียน พิจารณาเข้าร่วมการฝึก ASEAN (HADR) Exercise 2025 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ และพัฒนาศักยภาพกองทัพอากาศอาเซียน ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยคุกคามทางธรรมชาติร่วมกัน

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เข้าเยี่ยมคำนับ พลจัตวา คำเหล็ก แสงพะจัน (Brigadier General Khamlex Sengphachanh) ผู้บัญชาการทหารอากาศลาว เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ทั้ง 2 ฝ่ายต่างขอบคุณในความร่วมมือ ระหว่างกองทัพอากาศที่มีต่อกันอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งด้านการศึกษา และ การแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศได้เยี่ยมคำนับผู้บัญชาการทหารอากาศอาเซียน และเสนอแนวทางในการดำเนินและพัฒนาความสัมพันธ์ ระหว่าง กองทัพอากาศ กับ กองทัพอากาศอาเซียน ภายใต้กรอบการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ การฝึกร่วม/ผสม ในระดับทวิภาคี การแลกเปลี่ยนทางการศึกษา และการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เฉพาะด้าน รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศได้มีโอกาสพบปะพูดคุยหารือกับ พลอากาศเอก ทุน อ่อง (General Htun Aung) ผู้บัญชาการทหารอากาศเมียนมา ทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยันถึงความสัมพันธ์อันดี ไม่มีเจตนาจะเป็นภัยคุกคามซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ต่างเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างช่องทางในการติดต่อสื่อสารกรณีฉุกเฉิน เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด และให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือน และการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านกลไกคณะทำงานร่วม (Air Working Group) ให้มีมากยิ่งขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตา! ถกอาเซียนนัดพิเศษ มีอะไรในกอไผ่

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "มีอะไรในกอไผ่" โดยระบุว่า

เสธ ทบ. เผยพบร่างทหาร 2 นาย เหตุปะทะพื้นที่ปราสาทตาควาย 'เนิน 350' แล้ว

พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการปะทะในพื้นที่ปราสาทตาควาย และบริเวณเนิน 350 จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนั

โคราชเดือด! ถล่มยิงเป้าผู้นำเขมร

สโมสรกีฬายิงธนูโคราชเปลี่ยนเป้าซ้อมเป็นรูปผู้นำกัมพูชา ทั้งฮุน เซน–ฮุน มาเนต รวมถึงโฆษกกองทัพและอินฟลูเอนเซอร์เขมร ลูกค้าแห่ทดลองยิง ระบุเป็นกิจกรรมผ่อน

ทัพเรือเผยเหตุเขมรบุกหนัก เคยใช้สไนป์เปอร์ลอบยิง ผบ.หน่วย ก่อนเปิดฉากรบ

โฆษกกองทัพเรือเปิดเผย ช่วงก่อนการโจมตีบ้านเรือน 3 หลัง ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามยั่วยุหลายครั้ง รวมถึงเหตุใช้พลซุ่มยิงลอบยิงผู้บังคับหน่วยระดับผู้นำ ก่อนสถานการณ์พัฒนาไปสู่การสู้รบ

ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น

กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม

ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ

กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ