ไทย-ออสเตรเลีย กระชับร่วมมือด้านความมั่นคง หนุนแลกเปลี่ยนกำลังพล ป้องกันประเทศ

24 ก.พ.2566 - เวลา 13.00 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายริชาร์ด มาร์ลส (The Honourable Richard Males MP) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเครือรัฐออสเตรเลีย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหม

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับรองนายกรัฐมนตรีฯ ออสเตรเลีย ในโอกาสเดินทางเยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหม และยินดีที่จะได้ร่วมหารือเพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ไทยและออสเตรเลียมีการหารือระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ได้มีโอกาสหารือกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเมื่อครั้งมาร่วมประชุมผู้นำเอเปค รวมถึง ทั้งสองประเทศได้ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เมื่อปี 2563 ทำให้ความร่วมมือระหว่างกันเดินหน้าอย่างมีพลวัต และเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะทางด้านความมั่นคง และทางทหาร

รองนายกรัฐมนตรีฯ ออสเตรเลีย รู้สึกยินดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ซึ่งเป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยการมาเยือนไทยครั้งนี้แม้จะเดินทางมาช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่รู้สึกประทับใจต่อการต้อนรับจากกระทรวงกลาโหมและรัฐบาล ทั้งนี้ ออสเตรเลียให้ความสำคัญกับไทยในฐานะประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค ซึ่งทั้งสองประเทศยังได้เฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปีที่ผ่านมา โดยออสเตรเลียพร้อมใช้โอกาสนี้เสริมสร้างความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดและครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความมั่นคง การป้องกันประเทศ การศึกษาของกำลังพล และการฝึกร่วม

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือด้านต่างๆ ดังนี้

ความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องสนับสนุนและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือน การฝึกร่วม การศึกษา และการพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ พร้อมยินดีที่กองทัพของทั้งสองประเทศกลับมาดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางทหารในด้านต่าง ๆ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง สำหรับความร่วมมือด้านการฝึก กองทัพไทยได้ดำเนินการฝึกกับกองทัพออสเตรเลียทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี และในปี 2566 ทั้งสองฝ่ายมีกำหนดจัดการฝึกด้านต่าง ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากการฝึกที่ทั้งสองกองทัพดำเนินการร่วมกันเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณออสเตรเลียที่ได้ส่งกำลังพลมาเข้าร่วมการฝึก Cobra Gold 2022 และสำหรับการฝึก Cobra Gold 2023 จะจัดระหว่าง 27 กุมภาพันธ์ - 10 มีนาคม 2566 ซึ่งจัดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ

ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยกำหนดให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ และมีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวใน EEC เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนำประเทศไทยไปสู่การพึ่งพาตนเอง อีกทั้งเป็นโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและเศรษฐกิจระหว่างกัน จึงเชิญชวนออสเตรเลียเข้ามาร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการของไทย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีฯ ออสเตรเลียชื่นชมไทยที่ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ พร้อมเห็นชอบที่จะพิจารณากระชับความร่วมมือด้านพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศกับไทยมากขึ้น

ความร่วมมือด้านการศึกษา รองนายกรัฐมนตรีฯ ออสเตรเลียยินดีเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาทางทหารระหว่างออสเตรเลียและไทย พร้อมยินดีที่มีบุคลากรทางทหารของออสเตรเลียอยู่ระหว่างการศึกษาในหลักสูตร วปอ. ของไทย ด้านนายกรัฐมนตรีหวังว่า ออสเตรเลียจะยังคงสนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับกำลังพลไทย พร้อมขอให้ออสเตรเลียพิจารณาให้กำลังพลไทยสามารถเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรทางทหารของกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียอย่างต่อเนื่องต่อไป

ความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทของออสเตรเลียในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ในการเสริมสร้างเศรษฐกิจ การพัฒนา และความมั่นคงในภูมิภาค โดยไทยสนับสนุนการดำรงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค บนพื้นฐานของความเป็นแกนกลางของอาเซียน เพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ด้านรองนายกรัฐมนตรีฯ ออสเตรเลีย กล่าวถึงความสำคัญของไทยและอาเซียนที่มีบทบาทสำคัญต่อการรักษาความมั่นคงในภูมิภาค ออสเตรเลียพร้อมกระชับความร่วมมือให้ใกล้ชิด เพื่อรักษาสมดุลของความมั่นคงในภูมิภาค

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฯ ออสเตรเลีย ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และเปิดกว้างในประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยยืนยันรักษามิตรภาพกับทุกประเทศ เชื่อมั่นในความสงบสุข บนพื้นฐานของความเท่าเทียม พร้อมยินดีร่วมมือกับออสเตรเลียรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคเพื่อผลประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ ต่อภูมิภาค และต่อประชาชนไทย-ออสเตรเลีย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' รับมีแนวคิดยกเลิก 'พ.ร.ก.ฉุกเฉิน' จังหวัดชายแดนใต้

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวนโยบายการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่จังหวัดชาย

'ภูมิธรรม' แบ่งงาน 'บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กรอย-สุรสิทธิ์-ธิติรัฐ' ลุยงานมั่นคง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้นำนายธิติรัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ

โฆษก มท. แจงมติครม.เร่งแก้ปัญหาคนไร้สถานะทางทะเบียน 4.8 แสนราย ไม่ใช่ให้สัญชาติคนต่างด้าว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติ และสถานะให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามา

ครม. ไฟเขียวหลักเกณฑ์เร่งรัดแก้ปัญหาสัญชาติกว่า 4.8 แสนคน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนออนุมัติหลักเกณฑ์ เพื่อเร่งรัดให้มีการแก้ไขปัญหาสัญชาติ, สถานะของกลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาในไทยเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย