ครม. อนุมัติ 1,190 ล้านบาท เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพิ่มเติม ในพื้นที่กทม.และ 15 จังหวัด

ครม.อนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยฤดูฝน 2565 เพิ่มเติม ในพื้นที่ กทม. และ 15 จังหวัด จำนวน 237,048 ครัวเรือน วงเงิน 1,190.46 ล้านบาท

28 ก.พ.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้จ่ายเงิน ช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2565 เพิ่มเติม สำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2565 - 31 มกราคม 2566 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ 15 จังหวัด (ได้แก่ ชุมพร ตรัง นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พัทลุง ยะลา ระนอง สงขลา สตูล สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และอ่างทอง) ซึ่งต้องไม่เป็นครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2565 ตามมติ ครม. (29 พ.ย. 65) จากการสำรวจเบื้องต้น มีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในพื้นที่ กทม. และ 15 จังหวัด จำนวน 237,048 ครัวเรือน วงเงิน 1,190.46 ล้านบาท

หลักเกณฑ์การเยียวยาฯ ดังนี้ 24 ชั่วโมง - 7 วัน จำนวน 193,802 ครัวเรือน อัตราจ่าย 5,000 บาท วงเงิน 969.01 ล้านบาท, เกินกว่า 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน จำนวน 40,808 ครัวเรือน อัตราจ่าย 5,000 บาท วงเงิน 204.04 ล้านบาท, เกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน จำนวน 2,265 ครัวเรือน อัตราจ่าย 7,000 บาท วงเงิน 15.86 ล้านบาท, เกินกว่า 60 วัน จำนวน 173 ครัวเรือน อัตราจ่าย 9,000 บาท วงเงิน 1.56 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเคยมีมติให้ความช่วยเหลือไว้แล้วแต่ยังคงมีประชาชน ที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และการระบายน้ำ ในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. 65 - 31 ม.ค. 66 โดยเป็นจังหวัดที่เคยได้รับความช่วยเหลือตามมติ ครม. ( 29 พ.ย. 65 ) แต่คนละพื้นที่จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม สมุทรสาคร อ่างทอง ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานีและชุมพร และจังหวัดที่ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ กทม. ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พัทลุง ยะลา และสงขลา จึงได้อนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยฤดูฝน 2565 เพิ่มเติม เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั่วถึงและเป็นธรรม โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำรวจ หรือผู้ประสบภัยยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือภายใน 30 วัน และให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับ ธนาคารออมสิน เร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรืมีมติอนุมัติด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น อุณหภูมิลด 1-3 องศา ใต้ฝนเพิ่มตกหนักถึงหนักมาก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น ยอดดอยหนาวจัด ใต้ฝนฟ้าคะนอง 10%

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

'ยศชนัน' ลงจากหอคอยพบชาวนา ชูเทคโนโลยีแก้น้ำทั้งระบบ

“ยศชนัน-จุลพันธ์” นำเพื่อไทยยกทัพลุยอยุธยา รับฟังปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก-ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ชูแก้น้ำท่วมทั้งระบบ ระบายน้ำเป็นธรรม ใช้ข้อมูลจริง-เทคโนโลยี-วิศวกรรม วางแผนป้องกัน-เยียวยาครบวงจร

เรื่องราวทีมงานด่านหน้าของทรู ที่ทุ่มเททำงานด้วยหัวใจ เพื่อให้ทุกสัญญาณเชื่อมต่อกันในวิกฤตอุทกภัยภาคใต้

วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและชีวิตผู้คน แต่ยังตัดขาดการสื่อสารในหลายพื้นที่ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ยังมีทีมงานด่านหน้าของทรูที่ทุ่มเททำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ไม่เพียงดูแลเครือข่าย แต่ยังทำให้ทุกสัญญาณยังสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ เพื่อให้ทุกคนสามารถติดต่อ รับข่าวสาร และส่งความห่วงใยถึงกันได้ในช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุด

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น อุณหภูมิลด 1-2 องศา ใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 องศาเซลเซียส เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็น

PORCELA (พอร์ซเซล่า) ปันสุข ผนึกกำลังพันธมิตรดีลเลอร์ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หาดใหญ่

บริษัท ร่วมพัฒน์เซรามิค จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมกระเบื้องเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ แบรนด์ PORCELA (พอร์ซเซล่า) เดินหน้าดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ “โครงการ PORCELA ปันสุข ปีที่ 6” เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย สะท้อนบทบาทองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG)