
31 มี.ค. 2566 – นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจของประเทศ พรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จากกรณีที่มีข่าวในเว็บไซต์ชื่อ Breach Forums ประกาศขายข้อมูลส่วนตัวคนไทย 55 ล้านคน ซึ่งมีตั้งแต่ชื่อ สกุล เบอร์โทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่โดยอ้างว่าขโมยจากหน่วยงานของรัฐนั้น
ในนามประธานคณะกรรมการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจของประเทศ พรรคไทยสร้างไทย ขอเสนอแนะรัฐบาลเร่งดำเนินการต่อกรณีดังกล่าวดังนี้
1.ข้อมูลส่วนบุคคล ที่รั่วไหลออกไปนั้น สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยทั้งหมด จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
2.การยืนยันตัวตน (หรือในอุตสาหกรรมการเงินเรียกว่า kyc -know your customer) ในระดับสากล มีสองแบบ คือ จากสิ่งที่คุณมี (what you have) และ จากสิ่งที่คุณเป็น (who you are)
What you have ก็มี เลขบัตรประชาชน เลขรหัสPIN หรือ รหัสผ่านต่างๆ นั่นเป็นของที่ใช้ทั่วไป
แต่หลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมากมาย จนสามารถใช้ สิ่งที่คุณเป็น (Who you are) ได้ ซึ่งประกอบไปด้วย ลายนิ้วมือ ม่านตา เสียง และ ใบหน้าแทนได้
จะสังเกตว่าการลงทะเบียนซิมในช่วงที่ตนเองเป็นเลขาธิการ กสทช. ในปี 2561 – 62 ใช้การตรวจสอบใบหน้า เทียบกับรูปในบัตรประชาชนที่เสียบเข้าเครื่อง เพราะเทคโนโลยีพัฒนาไปจนทำได้ในมาตรฐานที่ดี ราคาไม่แพง ก่อนที่ภาคธนาคารจะนำมาใช้แพร่หลายในเวลาต่อมา
ปัจจุบันระบบการตรวจสอบใบหน้านั้นแม่นยำในระดับ 99% ไม่ว่าจะใส่หน้ากากซิลิโคนมาก็สามารถแยกแยะได้
ปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก เพราะประชาชนมีเลขบัตรประชาชน 13 เลขเดียวที่ได้มาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ หน่วยงานหลักๆ ไม่ว่าจะเป็น ประกันสังคม สรรพากร ต่างอ้างอิงเลขบัตรประชาชนทั้งสิ้น
ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานใช้การยืนยันตัวแต่ what you have (จากสิ่งที่คุณมี) เท่านั้น ไม่ได้ใช้ who you are (สิ่งที่คุณเป็น) แต่อย่างใด
สำหรับแนวทางแก้ไขต้องใช้การยืนยันตัวตน จากสิ่งที่คุณเป็น (who you are) ในการทำธุรกรรม โดยผู้เป็นเจ้าของข้อมูลสามารถกำหนดสิทธิในการเข้าใช้ข้อมูลได้ด้วยตนเอง
พรรคไทยสร้างไทย จะเสนอกฎหมายแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และสามารถทำให้ประชาชน มีความปลอดภัยในเรื่องนี้ ภายใน 6 เดือน
ทั้ง กสทช. กระทรวงดีอีเอส คณะกรรมการประกันภัย ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตา กกต.ยื้อฟันว่าที่ ส.ส. ผวาบทเรียนแพ้คดี 'สุรพล'
อีกไม่นานก็จะครบ 30 วัน นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มี ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 และเตรียมที่จะจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ที่ประกอบไปด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย
เด็กไทยสร้างไทย ชี้ตั้งรัฐบาลใหม่จบเร็ว ช่วยเดินหน้าเศรษฐกิจ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า “วิกฤตยังคงอยู่ แต่โอกาสจะหายไป หากไม่ได้รัฐบาลใหม่โดยเร็ว”
'ไทยสร้างไทย' พร้อมหารือ 'ก้าวไกล' ตั้งรัฐบาล ย้ำไม่เอา 2 ลุง เป็นนายกฯ
'ไทยสร้างไทย' พร้อมหารือ 'ก้าวไกล' ตั้งรัฐบาล ย้ำไม่เอา 2 ลุง เป็นนายกฯ
'ศิธา' ปลุก! ส.ส.-ส.ว. แสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษประชาธิปไตย
แคนดิเดตไทยสร้างไทย ปลุก ส.ส.และส.ว.หนุนจัดตั้งรัฐบาลให้ผ่าน 376 เสียง ระบุใครร่วมจะถือเป็นสุภาพบุรุษประชาธิปไตย
'ศิธา' ปลุก! ส.ส.-ส.ว. ใครกล้าตบเท้าหนุนนายกฯให้ผ่าน 376 เสียง จะเป็นสุภาพบุรุษประชาธิปไตย
น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย(ทสท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า สมัยรัฐบาลไทยรักไทยปี48 เราเคยมี สส.ฝ่ายรัฐบาลในสภา 377เสียง ซึ่งถ้าคิดแบบคณิตศาสต
JAS เชื่อ กสทช. ไฟเขียวขาย 3BB ให้ AWN คาดชัดเจน มิ.ย.นี้
JAS แจงกรณีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย “C” หลังประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2566 เนื่องจากส่วน ของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว ทั้งนี้ผู้ลงทุนยังคงซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทได้ด้วยบัญชีแคชบาลานซ์(Cash Balance)