โฆษกรัฐบาลชื่นชมผลงาน DSI ส่งฟ้องผู้เกี่ยวข้องกรณี STARK รวม 11 ราย ย้ำ นายกฯ เอาจริง กวดขันให้ความสำคัญเรื่องธรรมาภิบาล ติดตามการแก้ไขทุกปัญหา
9 ธ.ค.2566 - นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดี DSI รักษาราชการในตำแหน่งอธิบดี ได้แถลงปิดจ็อบสอบสวนทุจริต บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ทางคดีมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา รวม 11 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกรณีดังกล่าวได้มีเสียงสะท้อนต่อการดำเนินงานของ DSI จากภาคส่วนที่ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ อาทิ นายชัชวนันท์ สันธิเดช เลขานุการ กมธ.การเงินการคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่าหน่วยงานกำกับดูแลตลาดเงินตลาดทุน หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทำงานขยันขันแข็งขึ้นมาก เพราะมีนายกรัฐมนตรีที่เอาจริง คอยกวดขันให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมาภิบาล ซึ่งในนามของรัฐบาลขอชื่นชมผลงานของ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้เร่งรัดคดีดังกล่าวจนมีผลงานคืบหน้าเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน
“กรณี DSI ส่งฟ้องผู้เกี่ยวข้องกรณี STARK รวม 11 ราย ถือเป็นผลงานน่าชื่นชมของ DSI กระทรวง ยุติธรรม รวมทั้งรัฐบาลขอชื่นชมผลงานกรณีการปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน โดย DSI ร่วมกับกรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมศุลกากร และ ปปง. ที่มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมเช่นเดียวกัน ย้ำว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เอาจริงเอาจังติดตามการแก้ไขทุกปัญหา ซึ่งการที่มีนายกรัฐมนตรีที่เอาจริง คอยกวดขันให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมาภิบาล สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจนจริง ๆ” นายชัย กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 66 รองอธิบดี DSI รักษาราชการในตำแหน่งอธิบดี ได้นำแถลงความคืบหน้าคดีทุจริต บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (หุ้น STARK) มีสาระสำคัญว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษไปยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้ว หลังจากอธิบดี DSI มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวน 11 ราย พร้อมมอบเอกสารพยานหลักฐานทั้งสิ้นจำนวน 22 ลัง 140 แฟ้ม 52,968 แผ่น และนอกจากการดำเนินคดีอาญาแล้ว คณะพนักงานฯ พบว่ามีการนำเงิน 10,000 ล้านบาทโอนเข้ากลุ่มบริษัทของผู้ต้องหาเพื่อไปชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า รวมทั้งยักย้ายถ่ายเทเข้าบัญชีส่วนตัวอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน (ปปง.) ติดตามยึดทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 49 วรรคท้าย ต่อไป สำหรับกรณีการทุจริตใน STARK นั้น DSI รับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 มีผู้เสียหายทั้งสิ้นจำนวน 4,704 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวน 14,778 ล้านบาท (คดีพิเศษที่ 57/2566) ขณะที่กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในประเทศ ด้วยการสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงอากร DSI จะมีการขยายผลตรวจค้นและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ
"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย
รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ
รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน
จ่อฟันซ้ำ! 'ผบ.คุก - 19 ผู้คุม' พักราชการ-ให้ออกไว้ก่อน
'โฆษกกรมราชทัณฑ์' เผยอีก 1-2 วันนี้ เตรียมเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 'ผบ.เรือนจำฯ-จนท.' รวม 20 ราย ส่อ 'พักราชการ-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ 'ดีเอสไอ' ลุยสอบปากคำเก็บหลักฐานมัดผิด
รมว.ยุติธรรม ตั้งดีเอสไอ ร่วมสืบสวนคดีคุก VIP เอื้อนักโทษจีนเทา มีนางแบบจีนส่งถึงที่
"รมว.ยุติธรรม" ลั่นไม่ปล่อยผ่าน ผู้คุมเรือนจำพิเศษเอื้อประโยชน์จีนเทา พบหลักฐานชัดผู้คุม 7 นายพานางแบบจีน 2 คนเข้า “ห้องดัดแปลง” กลางวันแสกๆ เผยสามารถกู้ภาพวงจรปิดได้บางส่วนหลังถูกมือมืดลบข้อมูล จับภาพนักโทษจีนเทาเดินเพ่นพ่านในพื้นที่ต้องห้าม ส่วนผู้ต้องขังจีนเทา 2 รายถูกย้ายทันที เผยพรุ่งนี้เตรียมบุกเข้าเรือนจำตรวจข้อเท็จจริง
สอบครอบครัว‘ก๊กอาน’ ลูก3คนพันสแกมเมอร์
"ดีเอสไอ" ประสานข้อมูล “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ลุยตรวจสอบ "5 ธุรกิจในไทย"
'ดีเอสไอ' ลุยสอบ '5 ธุรกิจในไทย' ครอบครัวก๊ก อาน พัวพันกาสิโน ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์
“ดีเอสไอ" ประสานข้อมูล “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ลุยตรวจสอบ ”5 ธุรกิจในไทย“ ครอบครัวก๊กอาน เบื้องต้นพบ “ลูก 3 คน” นั่งกรรมการบริหารด้วยตัวเอง หลัง ”กรมการปกครอง“ เพิกถอนสัญชาติไทย "ก๊กอานและบุตร 3 คน"


