'กิตติรัตน์' แจงลูกหนี้บัตรเครดิต 23 ล้านใบ มีสิทธิได้ลดดอกเบี้ยเหลือ 3-5%

12 ธ.ค.2566 - นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ตอบคำถามแทนนายกฯ ถึงมูลหนี้ทั้งหมดในระบบว่า ครอบคลุมหนี้ครัวเรือนทั้ง 16 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่าร้อยละ 90 ของจีดีพี และในส่วนของเนชั่นแนลเครดิตบูโร จะพบตัวเลข 13.5 ล้านล้านบาท แต่ไม่ได้รวมส่วนที่เป็นสหกรณ์และ กยศ.เข้าไปด้วย โดยส่วนที่นายกฯ ได้แถลงนั้น เป็นการรวมครบถ้วน ทั้งนี้หนี้ของเกษตรกร และหนี้ SMEs

นายกิตติรัตน์ ยังชี้แจงหนี้บัตรเครดิตด้วยว่า มียอดหนี้รวมอยู่ที่ 5.4 แสนล้านบาท เป็นหนี้ที่กำลังจะเป็นปัญหาประมาณ 6.7 หมื่นล้าน จากผู้ถือบัตรเครดิตจำนวนทั้งสิ้น 23.8 ล้านใบ โดยในเป็นส่วนนี้เป็นหนี้ที่กำลังน่าห่วงใย 1.1 ล้านใบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดอกเบี้ยบัตรเครดิต 16-25% เหลือ 3-5% เฉพาะลูกหนี้ที่เข้าโครงการเท่านั้นหรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ผู้ถือบัตรทุกรายทั้ง 23 ล้านใบ มีสิทธิ์ได้ดอกเบี้ย 3-5% ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินและระยะเวลาปีการผ่อนชำระ จึงขอเรียนเชิญให้เข้าร่วมโครงการฯ เมื่อถามย้ำว่า แม้ว่าจะเป็นลูกหนี้ที่มีสถานะปกติใช่หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ความจริงหากเป็นหนี้ปกติ ก็อยากให้ชำระปกติ เมื่อถามว่า นายกฯ เคยประกาศว่าหนี้ในระบบไม่ควรสูงเกิน 15% แต่ทำไมหนี้บัตรเครดิตจึงสูงกว่า 15% นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ความจริงแล้วหนี้ปกติก็ชำระได้โดยไม่เสียดอกเบี้ย แต่หากชำระบางส่วนก็จะมีอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดขึ้น ในกฎหมายเรื่องดอกเบี้ย 15% เป็นกฎหมายที่ดูแลผู้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน แต่ในกลุ่มบัตรเครดิตเป็นส่วนของสถาบันการเงินซึ่งมีค่าบริการและค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงมีการกำหนดที่สูงกว่า 15% ได้บ้าง ซึ่งขณะนี้มีการดูแลไม่ให้ดอกเบี้ยสูงไปอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ส่วนต่างใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในกลุ่มที่เป็นเจ้าหนี้บัตรเครดิตยินดีลดดอกเบี้ยให้เพื่อดูแลลูกค้า โดยที่รัฐบาลไม่ต้องตั้งงบประมาณไปชดเชยให้ กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย สามารถใช้บริการคลินิกแก้หนี้ได้ ซึ่งผมไม่ได้พยายามยุให้ท่านเข้าใช้บริการ แต่หากเกินศักยภาพในการชำระเกินก็ขอให้เข้ามาใช้บริการได้เลย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รมว.คลัง' เผยได้ชื่อคนชิงประธานบอร์ดแบงก์ชาติแล้ว ส่งคกก.สรรหา พรุ่งนี้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าใถึงความคืบหน้าการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ข้องใจ! 'นายกฯอิ๊งค์-บิ๊กเพื่อไทย' ทำไมขยันลงพื้นที่ภูเก็ต

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "อุ๊งอิ๊ง หนีกระทู้สภา ไปกระทู้ภูเก็ต" โดยระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ปี67‘อดีตสว.’ขยับสะเทือนถึงรัฐบาล ถอดถอน‘เศรษฐา’ที่มาของหลายเรื่อง

การเมืองรอบปี 2567 เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดต้องยกให้กับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ “แพทองธาร ชินวัตร” กลายเป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย และทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา วันนี้จึงขอบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ ยกให้เป็นเหตุการณ์แห่งปี