'ต่อศักดิ์' ขีดเส้น 15 วันต้องมีแนวทางแก้ปัญหาพนักงานสอบสวนขาดแคลน

'ผบ.ตร.' สั่งเสนอแนวทางแก้วิกฤตขาดแคลนพนักงานสอบสวนเป็นรูปธรรมใน 15 วัน ย้ำห้ามนำพนักงานสอบสวนช่วยราชการ หากถูกร้องเรียนผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ

21 ก.พ.2567 - ที่ห้องรับรอง 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ ประธานชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ผู้เริ่มก่อตั้งชมรมพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.วินัย ทองสอง พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร ที่ปรึกษาชมรมพนักงานสอบสวน พ.ต.อ.ดร.มานะ เผาะช่วย คณะกรรมการชมรมพนักงานสอบสวน เข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตลอดจนผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ผู้บังคับการกองอัตรากำลัง ผู้บังคับการกองทะเบียนพล เพื่อร่วมหารือและยื่นหนังสือเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขและพัฒนางานสอบสวน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตพนักงานสอบสวนที่ถือเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมคือ ปัญหาการขาดแคลนพนักงานสอบสวน, การกำหนดตำแหน่งเลื่อนไหลให้พนักงานสอบสวน รวมทั้งเงินประจำตำแหน่งของพนักงานสอบสวน โดยทั้ง 3 เรื่องได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันได้มีข้อสั่งการไปแล้วว่าได้มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการในการเกลี่ยกำลังพล ไปช่วยในสถานีตำรวจที่มีปัญหาไม่ให้ไปกระจุกอยู่ในกองบัญชาการ หรือกลุ่มงานสืบสวน โดยสั่งการให้รายงานผลการดำเนินการที่เป็นตัวเลขจริง มายังตนเองภายในวันที่ 29 ก.พ.นี้ ซึ่งจะตรวจสอบซ้ำอีกครั้งด้วย

“ครั้งนี้ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 15 วัน เพื่อให้ตนเองสามารถดำเนินการได้ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ โดยจะต้องย้ำกำชับเรื่องการห้ามนำพนักงานสอบสวนไปช่วยราชการ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานของผู้ใดก็ตาม เพราะถือว่าเป็นการทำผิดตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 หากจะนำพนักงานสอบสวนไปช่วยราชการจะต้องมีบุคคลมาทดแทน ซึ่งข้อสั่งการนี้จะเน้นไปที่สถานีตำรวจโรงพักต่างๆ หากมีการร้องเรียนในลักษณะดังกล่าวจะถูกส่งมาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยตรง และผู้บังคับบัญชาจะถูกดำเนินมาตรการทางปกครอง 1212 ด้วย” ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ได้เตรียมเสริมอัตราพนักงานสอบสวนอีก 900 คน โดยวานนี้ (20 ก.พ.) ได้มีการเลือกตำแหน่งที่จะลงไปช่วยอีกประมาณ 300-400 คน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีกำลังในการผลิตบุคลากรในแต่ละปี จากที่ขาดแคลนอยู่ทั้งหมดประมาณ 2,000 คน รวมทั้งจะมีนโนบายให้นายตำรวจชั้นประทวนที่จบปริญญาตรีด้านนิติศาสตร์ ให้ขึ้นทะเบียนรอการอบรมเป็นพนักงานสอบสวน หรือให้เป็นผู้ช่วยพนักงานสอบสวนก่อน เพื่อแบ่งเบาภาระให้พนักงานสอบสวนด้วย การมีผู้ช่วยที่มีองค์ความรู้ และผ่านการอบรมแล้วก็จะมีพนักงานสอบสวนเพิ่มขึ้น

เมื่อถามถึงการเพิ่มแรงจูงใจให้กับพนักงานสอบสวนนั้น กล่าวว่า ค่าตอบแทนยังคงน้อยเมื่อเทียบกับพนักงานอัยการหรือศาล โดยได้สั่งการให้ศึกษาเปรียบเทียบค่าตอบแทนเพื่อนำไปหารือกับคณะกรรมาธิการงบประมาณหรือสำนักงบประมาณเพื่อขอเพิ่มค่าตอบแทนให้กับพนักงานสอบสวน เช่น เพิ่มเพดานค่าตอบแทนของพนักงานสอบสวนจาก 20,000 ถึง 40,000 บาทให้มากขึ้นไปอีก

ด้าน พล.ต.อ.วุฒิชัย กล่าวว่า วันนี้ได้เข้ามาหารือร่วมกับ ผบ.ตร. พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหามีทั้งเรื่องของระบบตำแหน่งควบในสายงานสืบสวนสอบสวน, การแก้ไขปัญหาพนักงานสอบสวนขาดแคลน, การเพิ่มเงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนให้เหมาะสม, การแก้ไขคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 419/2556 และระเบียบคำสั่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับงานสอบสวน และการจัดตั้งศูนย์ให้คำแนะนำช่วยเหลือประชาชนและพนักงานสอบสวนในการอำนวยความยุติธรรม

พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ในสภาวะของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีประเด็นเรื่องวิกฤตของพนักงานสอบสวนยังขาดแคลนและมีข้อจำกัดเรื่องขวัญและกำลังใจ ซึ่งเห็นว่า 3 องคาพยพที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาต่างๆประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ ผบ.ตร.จนถึง ผบก. ต้องอำนวยการในการแก้ไขปัญหาพนักงานสอบสวนเพื่ออำนวยความยุติธรรม,คณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับพนักงานสอบสวนตั้งแต่การกำหนดตำแหน่งเพื่อความเจริญก้าวหน้าและขวัญกำลังใจเป็นเรื่องที่ ก.ตร.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และองคาพยพที่ 3 คือพนักงานสอบสวน ซึ่งประธานชมรมพนักงานสอบสวนเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งสมาคมพนักงานสอบสวน เพื่อเป็นตัวแทนและรวบรวมเป็นศูนย์กลางในการรับฟังข้อขัดข้องต่างๆมาสนับสนุนประสานงานกับผู้บังคับบัญชาในการดำเนินการ แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนเดิมอาศัยสมาคมฯ อาจจะมีข้อจำกัดในการดำเนินการจึงได้ขอให้ พล.ต.อ.วุฒิชัย มาเป็นหลักและเชิญผู้บังคับบัญชาและอดีตผู้บังคับบัญชามาช่วยดำเนินการและเกิดเป็นชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจขึ้น ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่องคาพยพทั้ง 3 มาร่วมมือกันในการระดมสรรพกำลังสมองมาสนับสนุนในช่วงเปลี่ยนผ่านให้เกิดการเริ่มต้นของการที่จะทำให้พนักงานสอบสวนได้เป็นหลักในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนต่อไป

ส่วน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.มีแนวคิดและนโยบายในการเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานสอบสวนให้มีเกียรติและศักดิ์ศรี ตามแนวทางที่ได้รับการเสนอให้แก้ไข ทั้งในเรื่องของการปรับเปลี่ยนตำแหน่งและค่าตอบแทนให้เหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานสอบสวน รวมไปถึงการเรียกพนักงานสอบสวนที่มีคำสั่งในการช่วยราชการ ให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่เดิม เพื่อเพิ่มกำลังพนักงานสอบสวนในแต่ละโรงพักอย่างเท่าเทียม หลังมีการร้องเรียนกรณีที่พบว่าแต่ละโรงพักมีจำนวนพนักงานสอบสวนที่ไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างไม่เต็มศักยภาพ

พล.ต.ต. กมลเจน คำนวล ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ กล่าวว่า จเรตำรวจในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจปีที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนประมาณ 5,000 เรื่องซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพนักงานสอบสวนประมาณ 4,000 เรื่อง โดยส่วนใหญ่ได้รับการร้องเรียนในเรื่องของการไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่มั่นใจว่าจะได้รับการบริการที่ดีจากพนักงานสอบสวน พร้อมกันนี้แนวทางในเรื่องการจัดตั้งศูนย์ให้คำแนะนำช่วยเหลือประชาชนและพนักงานสอบสวน ในการอำนวยความยุติธรรมก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยเสริมสร้างลดช่องว่างให้ประชาชนและพนักงานสอบสวนสามารถสื่อสารกันได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่สามารถกลับมาพึ่งพาพนักงานสอบสวนในการขอความเป็นธรรมได้มากขึ้นในอนาคต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'โจ๊ก' เดือดรายวัน! ถ้าอยากเป็นผบ.ตร. บอกกันตรงๆ ยอมให้ก็ได้ เล่นแบบนี้จะติดคุกเสียเอง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.เข้ายื่นหนังสือเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนเว็บพนันออนไลน์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สามารถตรวจยึดหรืออายัดทรัพย์ใดๆได้

‘บิ๊กโจ๊ก’ดิ้นสู้หัวชนฝา ยื้อแผน‘ฆ่าให้ตาย’

ความเคลื่อนไหวของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เที่ยวล่าสุด ถือเป็นการเขย่าวงการการเมือง ตำรวจ และองค์กรอิสระ

‘โจ๊ก’ ลั่นคนใต้เลือดนักสู้! ยื่นป.ป.ช.สอบ ‘เศรษฐา’ ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตั้ง ‘บิ๊กต่อ’ ผบ.ตร.

‘บิ๊กโจ๊ก’ สู้หมดหน้าตัก ยื่นสอบ 'เศรษฐา' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง 'บิ๊กต่อ' เป็นผบ.ตร. เตือนนายกฯ ให้ทำตามกม. เชื่อโดนรุมกินโต๊ะสกัดนั่งผบ.ตร.

นายกฯ ยัน ฟัน 'สุรเชษฐ์' เป็นเรื่องภายในตร. 'กิตติ์รัฐ' ย้ำดำเนินการตามกม.

นายกฯ เผยสั่ง 'สุรเชษฐ์' ออกจากราชการ เป็นเรื่องภายในตร. ส่วนสอบ 2 บิ๊กสีกากี มั่นใจ 3 คกก.มืออาชีพ ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 คน ด้าน 'กิตติ์รัฐ' ลั่นไม่หนักใจ มั่นใจดำเนินการตามกม.