'มัลลิกา' แจงยิบแก้ปุ๋ยแพงตามคำสั่งนายกฯ ติดปัญหาความเห็นสำนักงบฯให้ ก.เกษตร ดำเนินการ

"มัลลิกา" รีวิว "แก้ปุ๋ยแพง" ตามคำสั่งนายกฯโดยละเอียด ติดปัญหาความเห็น "สำนักงบประมาณ" ที่ต้องให้ ก.เกษตรเสนอและดำเนินโครงการนี้

30 ธ.ค.2564 - เวลา 9.00 น. นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาปุ๋ยแพง สำหรับการทำเกษตรกรรมว่า กำลังแก้ไขปัญหากันเป็นระบบทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ และสำนักงบประมาณ โดยในส่วนของหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ต้นคือ 1.ดำเนินโครงการพาณิชย์ลดราคาปุ๋ยช่วยเกษตรกร ตั้งแต่ 1 ก.ค. - 31 ธ.ค. 64 โดยความร่วมมือกับผู้ประกอบการ 19 ราย ลดราคาปุ๋ย 20-50 บาทต่อกระสอบ จำนวน 84 สูตร ปริมาณรวม 4.5 ล้านกระสอบ ขณะนี้มีปริมาณการสั่งซื้อ 3.14 ล้านกระสอบ หักระบายสินค้าหมดอายุ 1.12 ล้านกระสอบ คงเหลือ 0.24 ล้านกระสอบ มูลค่าส่วนลดรวม 67.31 ล้านบาท ดำเนินโครงการโดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่ใช้ความร่วมมือกับผู้ประกอบการปุ๋ย

จากนั้น ดำเนินการต่อในข้อ 2. คือของบประมาณช่วยเหลือเกษตรกร โดย 21 พ.ค.2564 กระทรวงพาณิชย์ทำหนังสือถึงสำนักงบประมาณขอรับงบกลาง จำนวน 960 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนส่วนลดให้เกษตรกรทั้งนี้ตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่ให้แก้ไขปัญหานี้ โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ แต่ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 64 สำนักงบประมาณมีหนังสือแจ้งกระทรวงพาณิชย์ว่า โครงการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรด้านต้นทุนปัจจัยการผลิตและเพิ่มผลผลิต เป็นภารกิจของกระทรวงเกษตรฯ ดังนั้นพลเอกประยุทธ์นายกรัฐมนตรีจึงมีบัญชาให้กระทรวงพาณิชย์ประสานให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการ และเมื่อ 12 ก.ค. 64 กระทรวงพาณิชย์มีหนังสือถึงกระทรวงเกษตรฯ แจ้งความเห็นสำนักงบประมาณและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนอกเหนือจากนี้ยังทำการประชุมหารือระหว่างกระทรวงหลายรอบ รวมทั้งได้เรียนผู้บริหารระดับสูงทราบความครบถ้วนแล้ว

นางมัลลิกา กล่าวว่าต่อว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 64 กรมการค้าภายใน ของกระทรวงพาณิชย์ แจ้งความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสม ที่ประชุม จึงมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร สังกัดกระทรวงเกษตรฯ เสนอโครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับความเห็นของสำนักงบประมาณ

และ วันที่ 17 พ.ย. 64 กรมการค้าภายใน ของกระทรวงพาณิชย์ จัดประชุมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) สังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทั้งหมดประชุมหารือแนวทางการดำเนินและเร่งรัดติดตามเรื่องการของบประมาณ ซึ่งที่ประชุมเห็นควรดำเนินโครงการตามแนวทางดังนี้ คือ

1.การนำเข้าแม่ปุ๋ย โดย ควรมอบหมาย อ.ต.ก. กระทรวงเกษตร ดำเนินการนำเข้าแม่ปุ๋ยเพื่อจำหน่ายให้แก่สถาบันเกษตรกร โดยชดเชยค่าใช้จ่ายในการนำเข้าในอัตรากระสอบละ 35 บาท ปริมาณเป้าหมาย 10 ล้านกระสอบ วงเงิน 350 ล้านบาท

2. สนับสนุนให้ภาคเอกชนนำเข้าปุ๋ยมาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรโดยไม่ขาดตลาด และการชดเชยราคาปุ๋ยให้แก่เกษตรกร โดยชดเชยราคาปุ๋ยผ่านสถาบันเกษตรกร ในอัตรากระสอบละ 50 บาท ปริมาณเป้าหมาย 10 ล้านกระสอบ วงเงิน 500 ล้านบาท ชดเชยค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้แก่สถาบันเกษตรกร ในอัตรากระสอบละ 5 บาท ปริมาณเป้าหมาย 10 ล้านกระสอบ วงเงิน 50 ล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อให้สถาบันเกษตรกรผ่านโครงการล้านละร้อย เพื่อเสริมสภาพคล่องในการจัดซื้อปุ๋ยมาจำหน่ายให้แก่สมาชิก วงเงินงบประมาณ รวมค่าบริหารจัดการ เป็นจำนวน 1,070 ล้านบาท

จากนั้น 19 พ.ย. 64 กระทรวงพาณิชย์มีหนังสือแจ้งแนวทางดำเนินโครงการไปยังกระทรวงเกษตรฯและ 3 ธ.ค. 64 กรมการค้าภายในมีหนังสือถึง สศก. ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิต เสนอให้พิจารณามอบ อตก. ดำเนินการนำเข้าปุ๋ย และ 15 ธ.ค. 64 กรมส่งเสริมการเกษตรมีหนังสือแจ้งกระทรวงพาณิชย์และทางกระทรวงเกษตรมีหนังสือแจ้งกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ว่าอยู่ระหว่างเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณ วงเงิน 570 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการชดเชยปุ๋ย 50 บาทต่อกระสอบ จำนวน 10 ล้านกระสอบ วงเงิน 500 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้แก่สถาบันเกษตรกร 5 บาทต่อกระสอบ จำนวน 10 ล้านกระสอบ วงเงิน 50 ล้านบาท และบริหารจัดการโครงการ วงเงิน 20 ล้านบาท

และเมื่อ 28 ธ.ค. 64 มีหนังสือถึงกรมส่งเสริมการเกษตร ขอทราบผลการพิจารณาของในส่วนการนำเข้าปุ๋ย ซึ่งจะเป็นการป้องกันปัญหาการขาดแคลนหากเอกชนชะลอการนำเข้าด้วยเหตุผลด้านราคาที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในอยู่ระหว่างเตรียมเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้นำเข้าปุ๋ยเคมีและสถาบันเกษตรกร ให้สามารถจัดหาปุ๋ยเคมีมาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรได้

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ต้องรายงานประชาชนและเกษตรกรโดยละเอียดในเรื่องขั้นตอนนั้นเพื่อจะแจ้งให้ทราบว่าเรื่องปุ๋ยติดตรงความเห็นสำนักงบประมาณที่ให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้ดำเนินโครงการขณะที่นายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยดำเนินการ และเรื่องราคาแพงนั้นเป็นไปตามกลไกตลาดโลกและกระทรวงพาณิชย์ได้แก้ไขมาตั้งแต่ต้น โดยการจัดโครงการปุ๋ยลดราคาด้วยความร่วมมือของผู้ประกอบการ และเมื่อเข้าฤดูการผลิตราคายังแพงอยู่เพราะเกี่ยวกับกลไกที่ควบคุมไม่ได้คือ ประเทศผู้ผลิตแม่ปุ๋ยที่เกษตรกรนิยมใช้นั้นมีความจำกัดทางด้านการส่งออกมา ซ้ำต้นทุนยังสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามทางรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ จึงให้บูรณาการระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งสำนักงบประมาณระบุในเอกสารว่าจะต้องให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นต้นเรื่องด้านการทำและของบประมาณด้านนี้ ดังนั้นเชื่อว่าสำนักงบประมาณจะได้รายงานนายกรัฐมนตรีไปตามความเห็นของท่านนั้นแล้ว และทางกระทรวงพาณิชย์เรามีหน้าที่เชื่อมประสานบูรณาการ เพื่อให้นโยบายนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ และรองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ สัมฤทธิ์ผลเพื่อการช่วยเกษตรกรโดยเร็วที่สุดในเรื่องปุ๋ย

"อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่จะต้องตามแก้ไขปัญหากลไกเรื่องราคาปุ๋ยเพื่อเกษตรกรนี้ทางรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ไม่ได้นิ่งนอนใจเลย แต่ได้ดำเนินการเสนอของบประมาณที่เกี่ยวกับค่าปรับปรุงพัฒนาข้าวหรือค่าไถหว่านและเร่งจ่ายเงินมอบให้เกษตรกรชาวนาตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ซี่งครบตามบัญชีชาวนาทุกครัวเรือนเกือบ 5 ล้านครัวเรือน ได้ครัวเรือนละ 20,000 บาท ทั้งนี้เพื่อบรรเทาทุกข์เกษตรกรและบรรเทาความเดือดร้อนค่าต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากราคาปุ๋ย-ยา และได้พัฒนาผลผลิตข้าวด้วย ขณะเดียวกันด้านการแก้ปัญหาเรื่องกลไกราคานั้นก็ยังทำกันอยู่อย่างสุดความสามารถ ซึ่งจะต้องบูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน" นางมัลลิกา กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

”ภูมิธรรม“ ประกาศสุดยอดข้าวหอมมะลิ และข้าวสารไทยแห่งปี หนุนเกษตรกรและโรงสีรักษาคุณภาพขั้นสูง ขยายตลาดทั่วโลก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (24 เมษายน 2567)

'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย

พาณิชย์ตรวจเข้ม จับตาผู้ประกอบการรับซื้อข้าวเปลือกอย่างใกล้ชิด

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่อธิบดีได้สั่งการให้ตรวจเข้มการรับซื้อสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย

ต่างชาติขนเงินลงทุนในไทย 3.5 หมื่นล้าน ญี่ปุ่นยังเป็นอันดับ 1

พาณิชย์โชว์ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทย 35,902 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 19,006 ล้านบาท ตามด้วย สิงคโปร์ 3,294 ล้านบาท และฝรั่งเศส 3,236 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 849 คน

พาณิชย์ แนะผู้ส่งออกศึกษา 5 เทรนด์บริโภคชาวจีนปี 67 ก่อนวางแผนผลิตสินค้าไปขาย

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย 5 เทรนด์การบริโภคของชาวจีนที่มาแรงในปี 67 เน้นใช้จ่ายอย่างฉลาด สุขนิยมเติมอารมณ์ฟิน แพงได้แต่อย่าแพงเกิน คอมเมิร์ซสตรีมมิ่งพลิกโฉมช่องทางธุรกิจ เศรษฐกิจระดับอำเภอเติบโตขึ้น แนะผู้ส่งออกไทยศึกษา และวางแผนในการผลิตสินค้าและบริการไปขาย

'ทนายมือหนึ่ง' เผยคนฝากให้กำลังใจนายกฯเยอะ หลังถูก 'บิ๊กโจ๊ก' เอาคืน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นรัฐมนตรี ว่า วันนี้ต้องให้กำลังใจนายกรัฐมนต