
หลังกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดไทยจะกลายเป็นตัวตลก ! “หมอธวัชชัย” หวั่นต่างชาติเลิกเชื่อมั่นนโยบายรัฐบาลไทย ไม่อยากลงทุน
7 ก.ค. 2567 – นพ. ธวัชชัย กมลธรรม อดีตอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้ความเห็นการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า รัฐบาลที่แล้วปลดล็อก มีข้อมูลมากมายสนับสนุน ผ่านมา 2-3 ปี เอากลับไปเป็นยาเสพติดอีกแล้ว สรุปคือ นโยบายรัฐไทย ลักปิดลักเปิด มีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นกับการเมืองอยากให้เป็น ไม่สนใจนักลงทุน ไทยทำแบบนี้ ก็เหมือนตัวตลก นานาชาติหัวเราะเยาะ กัญชา ยาสมุนไพร มันควรจะใช้เป็นโอกาสทั้งการแพทย์ และเศรษฐกิจ ไม่ใช่เอาเข้า เอาออก ตามใจฉัน แบบนี้มั่วกันไปหมด
จากการวิเคราะห์ เมื่อมีการนำกลับเข้าสู่บัญชียาเสพดิดจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชาดังนี้ เสียงสะท้อนจากผู้ลงทุน อุตสาหกรรมกัญชากัญชงว่าเกิดความเสียหายอย่างน้อยไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท จากที่มีการลงทุนไปกับธุรกิจกัญชา ในช่วง 2 ปีที่มีการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด กระทบทั้งกลุ่มต้นน้ำ ประชาชนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาที่บางคน โค่นพืชชนิดอื่นและมาปลูกกัญชา โดยมีการนำทุนมาสร้างโรงเรือนที่ปลูกให้ได้มาตรฐาน กลุ่มกลางน้ำที่เป็นโรงงานสารสกัดกัญชากัญซง ซึ่งปัจจุบัน โรงงานสกัดที่มีใบอนุญาต 40 แห่ง ลงทุนโรงละไม่ต่ำกว่า 5-10 ล้าน ผลกระทบ หลักคือการสูญเสียรายได้และการหยุดชะงักของตลาดงาน ธุรกิจกัญชาโดยตรง คือ Dispensary ฟาร์มเพาะปลูก และสถานที่แปรรูปต่าง ๆ ต้องปิดตัวลง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียรายได้อย่างมีนัยสำคัญและการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก และ ธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ผลิตเครื่องสำอาง อาหาร ผู้แปรรูป นักวิจัย นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ และอื่น ๆ
ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามข้อกำหนด ธุรกิจในอุตสาหกรรมสัมผัส เช่นคลินิก ร้านอาหารหรือเจ้าของบ้านที่ให้เช่าธุรกิจกัญชา อาจต้องเผชิญกับกฎระเบียบหรือการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามข้อกำหนด ธุรกิจในอุตสาหกรรมสัมผัส เช่น คลินิก ร้านอาหารหรือเจ้าของบ้านที่ให้เช่าธุรกิจกัญชา อาจต้องเผชิญกับกฎระเบียบหรือการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่สูงขึ้นการเปลี่ยนแปลงของตลาดนี้อาจนำไปสู่การบูมของกัญชาในตลาดมืด การหวนกลับไปสู่การฟื้นฟูตลาดกัญชาที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากเราได้สร้างตลาดผู้ใช้กัญชา ผู้ปลูก ผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญเป็นจำนวนมากแล้ว ที่ต้องหาลู่ทางการใช้ สร้างอาญชากรรมใต้ดิน นอกเหนือจากผลกระทบโดยตรง กฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนของการบังคับใช้ ยังนำไปสู่ความเสียหายต่อชื่อเสียงของรัฐเองที่สร้างความสับสนทั้งต่อผู้ที่ต้องการใช้อย่างถูกกฎหมายทางการแพทย์เอง หรือ นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ตามข่าวไม่ทันทางออกที่ดีกว่า
ดังนั้น ก็ควรคุมให้เหมาะสม ระวังไม่ให้เข้าถึงเด็ก สังเกตดู เวลาไปจับยาเสพติด พวกที่ใช้เฮโรอีน ยาบ้า พอจับได้ ไปบอกว่าใช้กัญชา แล้วก็ไปตีข่าวกันไปแบบนั้น แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือกัญชา ถูกด้อยค่า ถูกทำลาย ถูกทำให้กลายเป็นผู้ร้ายไปแล้ว
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง แม้จะบอกว่า ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ใช้ทางเศรษฐกิจได้ แต่เมื่อไปเป็นยาเสพติด จะมีความวุ่ยวาย ที่จะเป็นภาระของผู้ประกอบการ จนไม่มีใครอยากมาลงทุน ดังนี้
1 การวางแผนการตลาด และกลุ่มลูกค้า การจำกัดการใช้สันทนาการจะทำให้ฐานลูกค้าจำกัดเพียงผู้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งเป็นการลดขนาดของผู้ใช้ นำไปสู่ลดขนาดผู้ปลูก ผู้แปรรูป และมีการตรวจสอบและกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจกัญชาทางการแพทย์จำต้องคำนึงถึงประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชา ผ่านการรักษาที่มีคุณภาพสูงและมีหลักฐานรองรับ วาง positioning ของธุรกิจเป็นผู้ให้บริการกัญชาทางการแพทย์ชั้นนำ สร้างมาตรฐานการรักษาที่ดี น่าเชื่อถือ มีการขยายบริการทางการแพทย์ พัฒนากิจกรรมพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นเพื่อดึงคุณสมบัติของกัญชาที่หลากหลายให้ชัดเจน อาทิ การจัดการความเจ็บปวดเรื้อรัง มะเร็ง การนอนไม่หลับ สุขภาพจิต และภาวะอื่น ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยที่ชัดเจนเสริมกิจกรรมให้ความรู้ เสนอโปรแกรมการศึกษาเพื่อให้ข้อมูลแก่สาธารณชนและลูกค้าที่มีศักยภาพเกี่ยวกับประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชา เพื่อต่อต้านความเข้าใจผิดใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้กัญชา
2) การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ร่วมมือกับหน่วยงาน ทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่ออัพเดตการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแสดงความมุ่งมั่นต่อมาตรฐานทางกฎหมายและจริยธรรม สร้างเครือข่ายกัญชาทางการแพทย์ที่แข็งแรง เข้าร่วมในสมาคมอุตสาหกรรมและกลุ่มสนับสนุนเพื่อมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายที่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ สนับสนุนกฎระเบียบที่ชัดเจนและยุติธรรมที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจขณะที่รับประกันความปลอดภัยของผู้ป่วย
3) มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพ การวิจัย และ innovation ร่วมมือกับสถาบันทางการศึกษาพัฒนาการวิจัยที่หลากหลาย ในกลุ่มโรคและอาการ และจำนวนผู้ร่วมวิจัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่สาธารณชน
โดยสรุปไม่ว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติดหรือไม่ การแพทย์และธุรกิจก็ต้องดำเนินการต่อไปอย่างมั่นคง มีมาตรฐานสูงและปกป้องการนำไปใช้ในทางที่ผิดกับเด็กและเยาวชน อย่างไรก็ดี บุหรี่ ยาบ้า ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์เลย ขณะที่กัญชามี และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้มากมายถ้าไม่ถูกนำไปจองจำไว้อีก //
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ปลอดประสพ ประกาศลั่นไม่เชื่อรัฐบาลอีกแล้ว ยก 4 ข้อดีแต่พูด!
อดีตรองนายกฯปลอดประสพ ประกาศไม่ขอเชื่อรัฐบาลอีกแล้ว หลังเห็นเพียงคำพูดไร้การลงมือ ยกตัวอย่างปัญหาน้ำ วาระแห่งชาติสแกมเมอร์ เชลยศึกเขมร และการแก้รัฐธรรมนูญ สรุปเปรี้ยง!ดีแต่พูดและไม่ค่อยทำ
'อนุทิน' ปิดการแถลงนโยบาย ลั่น 4 เดือนนี้ทะเลาะกันไม่ได้ แข่งกันทำความดีให้ประชาชน
“อนุทิน” ขอบคุณสมาชิกรัฐสภา ร่วมเสนอแนะนโยบาย ยัน 4 เดือน ยุบสภา แก้ไข รธน.เชื่อ วางรากฐานให้รัฐบาบหน้ามาสานต่อ ลั่น นี่ “หนูนะครับ”ไม่ใช่ “เป็ดง่อย” ขอให้มั่นใจทำหน้าที่ตั้งแต่วินาทีนี้
'สีหศักดิ์' แถลงนโยบายการต่างประเทศ เน้นทำงานมีเอกภาพกับฝ่ายทหาร
“สีหศักดิ์” แจงนโยบายการต่างประเทศ ไทยต้องมียุทธศาสตร์ข้อมูลข่าวสาร หลังเขมรนำไปสร้างความได้เปรียบ ยัน ไม่ปิดประตูเจรจา รอกัมพูชาพร้อม แสดงความจริงใจ ย้ำ เน้นการทำงานมีเอกภาพระหว่างการทูต-ทหาร
'ศิริกัญญา' โวยภูมิใจไทยให้เป็นรัฐบาล 4 เดือน แก้รธน.-ยุบสภา ไม่ใช่แจกคนละครึ่ง
"ศิริกัญญา" อัดรัฐบาลลุกลี้ลุกลนเดินเครื่องโครงการคนละครึ่ง อาจซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ ชี้ไม่คาดหวัง 4 เดือนแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่อย่างสร้างความเสียหายที่ไม่สามารถกลับไปแก้ได้ในอนาคต ถามจะมีประโยชน์อะไรหากรัฐมนตรีคนนอกโปรไฟล์ดีนั่งนิ่งยอมให้รัฐบาลทำอะไรก็ได้
ปชน. ชี้ปมเขากระโดงเป็นเครื่องพิสูจน์รัฐบาลอนุทิน ยึดหลักนิติธรรมหรือระบบพวกพ้อง
“จุลพงศ์” ชี้คดีเขากระโดงควรจบนานแล้ว แต่ถูกเตะถ่วงใช้เป็นเครื่องมือต่อรองการเมือง จี้ “พิพัฒน์” ใช้อำนาจ รมว.คมนาคม สั่ง รฟท. ฟ้องเพิกถอน 2 แปลงที่มีหลักฐานชัดเป็นที่การรถไฟฯ ได้ทันที พิสูจน์รัฐบาลนี้ยึดหลักนิติธรรมหรือใช้ระบบพวกพ้อง
จับตาไฟเขียว 'คนละครึ่ง' ประชุมครม.นัดแรก หลังเสร็จสิ้นแถลงนโยบายพรุ่งนี้
นายกฯอนุทิน ใช้สภาประชุม ครม.นัดแรก หลังแถลงนโยบาย จับตาไฟเขียวโครงการคนละครึ่ง ส่งท้ายงบปี 68


