แม้ว่าที่อยู่อาศัยจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ หากแต่มีที่อยู่อาศัยจำนวนไม่น้อยที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ที่ประชากรมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ ที่อยู่อาศัยซึ่งเคยเป็นมิตรกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว อาจกลายมาเป็น “ความเสี่ยง” ต่อสุขภาพ เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป
ทุกวันนี้ มีบ้านหลายร้อยหลังคาเรือนที่ได้นำเอา “บ้านแสนอยู่ดี” อันเป็นนวัตกรรมการออกแบบที่อยู่อาศัย เพื่อผู้สูงอายุ และผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็น 1 ใน 7 นวัตกรรมธรรมศาสตร์เพื่อสังคมสูงวัย ที่ถูกนำมาจัดแสดงภายในงานมหกรรมงานวิจัย 90 ปี นวัตกรรมธรรมศาสตร์ เพื่อประชาชน มาแปรสภาพจากแปลนการออกแบบบนหน้ากระดาษ สู่ที่อยู่อาศัยที่จับต้องได้จริง ทั้งการนำไปสร้างบ้าน และนำบางส่วนไปใช้ปรับปรุงบ้าน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้แก่คนกลุ่มดังกล่าว
บ้านแสนอยู่ดี เป็นผลงานการออกแบบของ รศ.ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มธ. ที่ได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ผ่านกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) โดยมีจุดตั้งต้นแนวคิดในการออกแบบมาจากการมองเห็นว่า ‘สภาพแวดล้อม’ เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ได้ และในเชิงพื้นที่ระดับพื้นฐานของผู้คนก็คือ ‘บ้าน’
จากจุดนั้นได้นำมาสู่ความสงสัย และตั้งคำถามต่อว่ากลุ่มที่มีเงื่อนไขในการชีวิตที่เฉพาะ และเป็นอุปสรรคต่อการหารายได้ อย่างผู้สูงอายุ และผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ซึ่งมีรายได้น้อยนั้น มีความต้องการพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย ‘น้อยที่สุดเท่าไหร่’ ที่ยังสามารถอยู่อาศัยได้โดยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และประกอบอาชีพได้ด้วย
เพื่อให้ได้คำตอบของคำถามดังกล่าว รศ.ดร.ชุมเขต อธิบายว่า เราทำการค้นคว้าหาข้อมูลจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านผู้สุงอายุในชนบท บ้านผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย บ้านผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง หรือรูปแบบการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุตามพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งทางธรรมศาสตร์เองก็ได้ทำโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามชุมชนต่างๆ อยู่เสมอกว่า 15 ปี ผ่านการปรับสภาพแวดล้อมของบ้าน และที่อยู่อาศัย อันเป็นเงื่อนไขสำคัญของความสำเร็จในงานออกแบบชิ้นนี้
บนกองข้อมูลมหาศาลถูกร่อนผ่านตะแกรงทางความคิดอย่างเข้มข้น พร้อมยึดหลักแนวคิดอารยสถาปัตย์ หรือ การออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Universal Design) จนในที่สุดตกตะกอน และก่อตัวเป็นแบบบ้านสำเร็จรูป (Knockdown House) ที่มีขนาดกระทัดรัด 3 x 6 เมตร แต่สอดคล้องกับพฤติกรรม และเงื่อนไขการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ และผู้พิการ ในราคา 1.2 แสนบาท หรือขนาด S
รวมถึงต่อมายังมีการยกระดับให้มีทั้งขนาด M และ L เพื่อรองรับสำหรับกรณีต้องการที่ขยายพื้นที่ต่อจากโครงสร้างบ้านเดิมด้วย โดยขนาด M จะมีพื้นที่ 6 x 6 เมตร ราคา 1.7 แสนบาท และขนาด L มีพื้นที่ 9 x 6 เมตร ราคา 2.3 แสนบาท มากไปกว่านั้นยังได้รับการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้วด้วย
“จุดเด่นของงานออกแบบของเราอีกอย่างหนึ่งคือสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง และราคาไม่แพง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนกลุ่มนี้สามารถจ่ายได้ (Affordable) รวมถึงทั้งหมดเหล่านี้มาจากฐานของงานวิจัยที่สนับสนุนว่าสามารถใช้งานได้จริง” รศ.ดร.ชุมเขต ชี้ให้เห็นสิ่งสำคัญของผลงานชิ้นนี้
สำหรับความแตกต่างของบ้านแสนอยู่ดี กับบ้านทั่วไป อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ โดยปกติงานออกแบบบ้านทั่วไปมักจะตัด หรือนำเอาพื้นที่สำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุ หรือผู้พิการออกเป็นอย่างแรก ตัวอย่างเช่น การมีบันไดแต่ไม่มีทางลาด ที่แม้จะดูเป็นจุดเล็กน้อยในมุมมองของคนปกติ แต่นั่นเป็นการ ‘ตัดขาดโลกภายนอก’ ออกจากผู้สูงอายุ และผู้พิการที่ต้องนั่งรถเข็นวีลแชร์ เนื่องจากการเดินทางจากพื้นที่หนึ่งไปสู่อีกพื้นที่หนึ่งมีความยากลำบาก จนบางคนไม่สามารถพาตัวเองผ่านแต่ละส่วนของบ้านไปได้
ขณะที่บ้านแสนอยู่ดีจะผสานสิ่งที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้งานสำหรับคนกลุ่มนี้เข้ากับบ้าน โดยไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน เช่น ทางลาดคู่กับบันได ราวจับเพื่อการเคลื่อนไหว ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้สามารถนำบางส่วนจากแบบของบ้านแสนอยู่ดีไปปรับใช้ผ่านการต่อเติมเพิ่มจากบ้านทั่วไปได้ด้วย เพราะการมีรูปแบบของโครงสร้างบ้านที่ชัดเจนของบ้านแสนอยู่ดี ทำให้งานออกแบบชิ้นนี้รองรับวัสดุการใช้งานได้นานารูปแบบตามแต่ละพื้นที่ที่จะนำไปใช้ เช่น ไม้ ปูน เหล็ก ฯลฯ
“Pain point อย่างหนึ่งของผู้ที่มีรายได้น้อยก็คือเวลาปรับปรุง หรือซ่อมบ้าน เขาจะไม่มีที่อยู่อาศัยสำรอง บางคนต้องไปอยู่กับญาติ หรือบางคนคือศาลาวัด เราจึงต้องทำเป็นบ้านน็อคดาวน์ โดยถ้าที่ไหนมีความต้องการเราสามารถเนรมิตบ้านใหม่ให้เขาได้เลยในวันเดียว เพราะเราจะสร้างด้วยมาตรฐานของเราและส่งไปให้ได้เลย และหากผู้อยู่อาศัยไม่มีโฉนดที่ดิน และมีการเสียชีวิตลง ก็สามารถส่งต่อบ้านหลังนั้นให้ผู้ที่มีความจำเป็นต่อได้ด้วย ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม” อาจารย์ชุมเขต กล่าวเสริม
สิ่งเหล่านั้นทำให้ตอนนี้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า 30 แห่งแล้วที่นำบ้านแสนอยู่ดีในรูปแบบบ้านน็อคดาวน์ไปใช้ อย่างพื้นที่ใกล้เคียงธรรมศาสตร์ เช่น เทศบาลนครรังสิต เทศบาลเมืองท่าโขลง ฯลฯ
“ส่วนตัวแบบบ้านแสนอยู่ดีก็มีการนำไปปรับใช้แล้วทั่วประเทศ โดยเป็นการเปลี่ยนเป็นไม้ หรือเป็นโครงสร้างอื่นๆ ที่ช่างชุมชนสามารถทำได้ เพราะเรามีการถ่ายทอดองค์ความรู้ของนวัตกรรมให้กับช่างชุมชนด้วยครบวงจรของการทำบ้าน” อาจารย์ชุมเขต อธิบายเพิ่มเติม
นอกจากนี้ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว รวมถึงกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยังมีการนำไปใช้ปรับบ้านให้ผู้ที่มีความจำเป็นอีกด้วย เพราะไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ และผู้พิการทางการเคลื่อนไหวที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม แต่ยังมีกลุ่มอื่นๆ อย่างหญิงตั้งครรภ์ และเด็ก ซึ่งหากประสบอุบัติเหตุแล้วจะกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
อีกทั้งล่าสุดยังได้มีการนำบ้านแสนอยู่ดีไปขับเคลื่อนนโยบาย 4 หมื่นบาทซ่อมบ้านให้พอ ของกรมกิจการผู้สูงอายุ และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณชีวิตคนพิการ พม. ด้วย โดยมีการทำข้อมูลต้นทุน และเงินเฟ้อไปเสนอแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งถ้าได้เดินหน้าต่อ บ้านแสนอยู่ดีก็จะถูกนำไปขยายผลเพื่อช่วยประชาชนได้อย่างมาก
“เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง รวมถึงผู้ประกอบการเอกชนด้วย เพื่อให้บ้านแสนอยู่ดีสามารถขยายผลให้เกิดประโยชน์กับผู้สูงอายุ ผู้พิการที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว และประชาชนที่มีความจำเป็นกลุ่มอื่นในประเทศได้มากขึ้น” รศ.ดร.ชุมเขต กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตบิ๊กข่าวกรอง แนะ 'อธิการ มธ.' สอบเรื่องใหญ่กระทบใจคนไทยใน มธ. ก่อนโดน ม.157
อดีตบิ๊กข่าวกรอง สะกิด อธิการ มธ. เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กระทบใจคนไทย ที่รักพระพันปีหลวง หากไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ ระวังจะมีคนฟ้อง 157
'ดร.สุวิทย์' ชู เศรษฐกิจพอเพียงเชิงนวัตกรรม ขับเคลื่อนประเทศด้วยรากแห่งจารีต ปีกแห่งนวัตกรรม
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียงเชิงนวัตกรรม” (Sufficiency Innovation Economy): ขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยรากแห่งจารีต × ปีกแห่งนวัตกรรม มีเนื้อหาดังนี้
NBAและAWSร่วมมือระยะยาว ยกระดับวงการบาสเกตบอล ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย
AWS ได้รับเลือกให้เป็นพาร์ทเนอร์ด้าน Cloud และ Cloud AI อย่างเป็นทางการของ NBA, WNBA, NBA G League, Basketball Africa League และ NBA Take-Two Media แพลตฟอร์ม Cloud AI ใหม่ที่สร้างขึ้นบน AWS จะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมในทุกลีกการแข่งขัน พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่แฟน NBA ทั่วโลก


