
ส่อความขัดแย้งเพิ่ม พีมูฟเบรกร่างกม.ลูกกรมอุทยานฯ เข้า ครม . ชี้ยิ่งจุดชนวนสร้างข้อพิพาทป่าทับคนรุนแรงขึ้น
10 พ.ย.2567 – ความคืบหน้าขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ซึ่งยังคงปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) ออกแถลงการณ์ ขอคัดค้านการนำร่างกฎหมายลูกของกรมอุทยานฯ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะได้นำกฎหมายลูกหรือร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฉบับที่ผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 เพื่อจะประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาให้ร่างกฎหมายลำดับรองทั้งสองฉบับมีผลบังคับใช้ ก่อนเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นั้น
เครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.)ร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้เจรจากับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเสนอแนวทางการปรับปรุงร่างกฎหมายดังกล่าวให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชน โดยให้นำร่างกฎหมายมาทดลองปฏิบัติในพื้นที่ชุมชนต้นแบบ เพื่อศึกษาจุดอ่อนจุดแข็งของร่างกฎหมายดังกล่าว แล้วปรับปรุงให้สอดคล้อง แต่ข้อเสนอกลับไม่มีการตอบรับจากกรมอุทยานฯ แต่ดึงดันจะนำกฎหมายไปประกาศใช้
เราได้แสดงจุดยืนในการปกปองสิทธิของชุมชนที่ในเขตป่าอนุรักษ์ นับตั้งแต่ ปี 2563 ถึงปัจจุบัน เพื่อเรียกร้องชะลอการนำเข้าร่างกฎหมายลำดับรองทั้งสองฉบับเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยการเจรจากับรัฐบาลปัจจุบัน ในการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๗ ซึ่งมีท่านรองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นประธาน และมีรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เป็นรองประธาน ได้มีข้อสรุปให้ชะลอการนำร่างพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และให้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาหาแนวทางขยายระยะเวลาการผ่านร่างกฎหมายลำดับรองออกไปอีก 1 ปีนั้น
หากแต่ขณะนี้ทราบว่ารัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งว่า ไม่สามารถขยายระยะเวลาออกไปได้อีก 1 ปี ตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส. และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันว่าต้องผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับให้มีผลบังคับใช้ก่อนวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567
เราขอยืนยันว่า ที่ผ่านมา คปอ.และ ขปส.หรือพีมูฟ ได้พยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการร่างกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ตั้งแต่หลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่ไร้การตอบสนองของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่จะนำไปสู่การปรับแก้ให้สอดคล้องกับวิถีชุมชนและบริบทของแต่ละภูมิภาค และเมื่อพิจารณาจากร่างกฎหมายทั้งสองฉบับแล้ว พบว่ามีการละเมิดสิทธิประชาชนอยู่หลายประเด็น และจะสร้างข้อพิพาทในประเด็นป่าทับคนให้ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'
นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568
ประเดิมแจ้งเตือน 'ฝุ่นPM2.5' ผ่าน Cell Broadcast 'กทม.' โหมดส้ม
เริ่มแล้ว! แจ้งเตือน PM2.5 ผ่าน Cell Broadcast 'กรุงเทพฯ–ปริมณฑล' เข้าสู่โหมดสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 'รมว.สุชาติ' กำชับ ทส. ติดตามใกล้ชิด หลังแนวโน้มฝุ่นสะสมต่อเนื่องถึง 2 ธ.ค.
'มทภ.4' ระดม 400 นาย เร่งฟื้นฟู 'รพ.หาดใหญ่' ให้เสร็จวันนี้
'มทภ.4' กำชับทุกหน่วย-ทส. ระดมกำลังกว่า 400 นาย เร่งฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ ปรับสภาพผิวจราจรโดยรอบให้เสร็จวันนี้ พร้อมลุยต่อถนนเส้นหลัก เปิดการจราจรให้ประชาชน ก่อนบิ๊กคลีนนิ่งเมืองทั้งหมด
‘ธารน้ำใจหลั่งไหลไม่หยุด’ รองโฆษกฯ ส่งต่อสิ่งของจำเป็นขึ้นเครื่องบิน ทส. ช่วยชาวใต้ แม้น้ำลดแล้วแต่ยังเดือดร้อนจำนวนมาก - รมว.สุชาติสั่งดูแลประชาชนต่อเนื่อง
นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เป็นตัวแทนประชาชนจากหลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ส่งมอบสิ่งของจำเป็นและของใช้ประจำวัน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังมีหลายครอบครัวที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
‘สุชาติ’ กำชับ การช่วยเหลือประชาชนน้ำท่วมใต้ ต้องเป็นเอกภาพ .. สั่งศูนย์ฯ ทส. บูรณาการใกล้ชิดร่วมกองบัญชาการสั่งการ ค่ายเสนาณรงค์
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา และพื้นที่ภาคใต้
กรมป่าไม้ ส่งสิ่งของที่รับบริจาคถึง อ.หาดใหญ่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่แจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และได้สั่งการให้ กรมป่าไม้จึงเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือและยานพาหนะที่จำเป็นเร่งลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการอพยพประชาชน การสนับสนุนด้านเสบียง และกำลังช่วยอย่างเต็มที่


