จ่ายแล้วกว่า 38 ล้าน เยียวยาตึกสตง.ถล่ม

แฟ้มภาพ

ก.แรงงาน จ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุตึกสตง.ถล่มแล้วกว่า 38 ล้านบาท ย้ำดูแลผู้บาดเจ็บจนจบการรักษา

27 เม.ย.2568 – นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน ดำเนินการชดเชยเยียวยาลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ขณะเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับการยืนยัน มีผู้ได้รับผลกระทบและผู้เสียชีวิตทั่วประเทศกว่า 50 ราย เฉพาะตึก สตง. กว่า 40 ราย โดยได้จ่ายเงินชดเชยเยียวยาผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 38 ล้านบาท

นายคารม กล่าวว่า สำหรับลูกจ้างที่ประสบอันตรายขณะปฏิบัติงาน จากเหตุอาคารถล่มจะได้รับการดูแลจากกองทุนเงินทดแทน ดังนี้

1. กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน 65,000 บาท หากบาดเจ็บรุนแรงจ่ายให้สูงสุดไม่เกินหนึ่งล้านบาท ในกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลภาคเอกชน แต่หากเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐตั้งแต่แรกจนสิ้นสุดการรักษา หรือเข้ารักษาในสถานพยาบาลเอกชนแล้วรักษาต่อในสถานพยาบาลของรัฐจนสิ้นสุดการรักษา จ่ายค่ารักษาเท่าที่จริงตามความจำเป็นจนสิ้นสุดการรักษา ส่วนค่าทดแทนรายเดือน กรณีที่ต้องหยุดพักรักษาตัวตามคำสั่งแพทย์ จ่ายไม่เกินหนึ่งปี ในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน

2. กรณีสูญเสียอวัยวะ/สูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน จ่ายค่าทดแทน ในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท/เดือน จ่ายได้ไม่เกิน 120 เดือน

3. กรณีทุพพลภาพจ่ายค่าทดแทนรายเดือน ในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต

4. กรณีตายหรือสูญหาย จ่ายค่าทดแทน ในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน ให้กับผู้มีสิทธิเป็นระยะเวลา 10 ปี ค่าทำศพ จำนวน 50,000 บาท เงินบำเหน็จกรณีชราภาพจากกองทุนประกันสังคม

นายคารม ระบุว่า สำหรับลูกจ้างที่สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ และ จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานจะได้รับค่าฟื้นฟูสมรรถภาพตามอัตรา ดังนี้ ค่าใช้จ่ายในกระบวนการเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานด้านการแพทย์ โดยเป็นค่าใช้จ่ายทางกายภาพบำบัด ไม่เกินวันละ 200 บาท และค่าใช้จ่ายทางกิจกรรมบำบัด ไม่เกินวันละ 100 บาท โดยเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 24,000 บาท ค่าใช้จ่ายในกระบวนการบำบัดรักษาและการผ่าตัดเพื่อประโยชน์ ในการฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน ไม่เกิน 40,000 บาท หากมีความจำเป็นให้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 140,000 บาท แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 180,000 บาท โดยให้คณะกรรมการการแพทย์เป็นผู้มีอำนาจพิจารณา ค่าวัสดุและอุปกรณ์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู หน่วยละไม่เกินอัตราตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยเมื่อรวมกันแล้วต้อง ไม่เกิน 160,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานด้านอาชีพ ให้จ่ายได้เฉพาะที่เป็นการฝึกตามหลักสูตรที่หน่วยงานของสำนักงานประกันสังคมเป็นผู้ดำเนินการ ไม่เกิน 24,000 บาท

“รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ในส่วนของค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ ค่ารักษาพยาบาลฯ และผู้ประสบภัยยังจะได้รับเงินช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการ รวมถึงเงินชดเชยส่วนอื่น ๆ ตามสิทธิทางกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป” นายคารม ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.บุณณดา โฆษกกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะที่ปรึกษารัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามงานศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ภาค 1 จ.ปทุมธานี พร้อมผลักดันยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนทุพพลภาพ

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) พร้อมด้วยนายกานต์ กิตติอำพน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (ด้านต่างประเทศ) ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม

“สปส.” ห่วงแรงงานพลาดสิทธิคุ้มครอง “กองทุนเงินทดแทน”ภัยที่ทำงาน เตือนนายจ้างป้องสิทธิรักษาพยาบาลลูกจ้างหลังเกิดภัยภายใน 15วัน

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ในทุกสถานประกอบการอาจซ่อนความเสี่ยงที่ไม่มีใครคาดคิดไว้เสมอและเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยชีวิตและการใช้สิทธิอย่างถูกต้องและทันเวลา

ราชกิจจาฯ ประกาศปรับฐานค่าจ้างคำนวณเงินสมทบประกันสังคม ม.33 เริ่ม 1 ม.ค. 2569

กฎกระทรวงใหม่กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ-ขั้นสูง ใช้เป็นฐานคำนวณเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยปรับเพดานสูงสุดเป็นลำดับ จาก 17,500 บาท เพิ่มเป็น 23,000 บาทในระยะถัดไป มีผลตั้งแต่ต้นปี 2569

เจรจา ‘ไดกิ้น’ ได้ข้อยุติ เปลี่ยนระบบจ่ายทองเป็นเงินแทน พนักงานเตรียมกลับเข้าทำงาน

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเจรจาร่วมกันระหว่างบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กับ สหภาพแรงงานไดกิ้น อมตะ รักษ์เสรี

สสส. สานพลังภาคี ลงศูนย์อพยพ จ.สงขลา ฟื้นฟูหลังน้ำท่วม หนุนหน่วยงาน-อาสาสมัคร-อสม.-ผู้ปกครอง ใช้คู่มือ “ปลูกกล้ากลางไฟ”

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้เด็กและเยาวชนต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยและพักอาศัยในศูนย์อพยพต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และโรงเรียนในพื้นที่ แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่หลายครอบครัวยังคงต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง