'พิชัย' พบสถาบันการเงินระดับโลก ถกรับมาตรการภาษีทรัมป์

“พิชัย” พบ Bank of America  สถาบันการเงินอันดับสองของโลก ถกมุมมองการค้า-ภาคเอกชนสหรัฐฯ รับมาตรการภาษีทรัมป์

27 เม.ย.2568 – นายพิชัย  นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ตนได้พบหารือกับนายจิน ซู ประธานประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และนางสาวฟาน ซิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America) เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์การค้าการลงทุนเศรษฐกิจโลก และกระชับความสัมพันธ์กับภาคเอกชนสหรัฐฯ

นายพิชัยกล่าวว่า การหารือครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีในการแลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์การค้าการลงทุนของโลกกับภาคการเงินของสหรัฐฯซึ่งในโอกาสนี้ตนเองได้แจ้งว่า ไทยและสหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่มีความสัมพันธ์อันดี โดยไทยได้ติดตามนโยบายการค้าใหม่ๆ ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะมาตรการเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ reciprocal tariffs ของสหรัฐฯ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย

สำหรับไทยได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการค้าที่สมดุลและเป็นประโยชน์ร่วมกันกับสหรัฐฯ โดยอาจพิจารณาเพิ่มการนำเข้าสินค้าที่ไทยมีความต้องการจากสหรัฐฯ เพื่อลดการขาดดุลการค้ากับไทย และขยายความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพและเกื้อหนุนกัน เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อาหารแปรรูป และซูเปอร์ฟู๊ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของไทยในการเป็นศูนย์กลางอาหารของโลก และสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารในระดับสากล นอกจากนี้ ตนยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกพลังงานชั้นนำ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของไทยได้ การเพิ่มความร่วมมือในด้านพลังงานจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของไทยในระยะยาว

นายพิชัย กล่าวต่อไปว่า ไทยมีจุดแข็งและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านพลังงานที่ไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งตนเองได้ชี้ให้เห็นว่า ไทยมีความพร้อมที่จะเป็นฐานการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะการผลิตแผงวงจร PCB (printed circuit board) อุตสาหกรรม Data Center ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคตนอกจากนี้ ไทยยังมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค (financial hub) โดยผู้บริหาร Bank of America ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ในการเป็นศูนย์กลางการเงิน ไทยจะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะสูงเพื่อเข้าทำงานในภาคการเงิน รวมถึงการสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) ที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางทางการเงินอย่างครบวงจร

นายพิชัยยังได้เน้นย้ำว่า ไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งสหรัฐฯ และจีน ซึ่งทั้งสองประเทศต่างเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยและยังจำเป็นต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ ไทยมีจุดยืนเดียวกับอาเซียนในการรักษาความเป็นกลาง ส่งเสริมความร่วมมือที่สมดุลกับทุกฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางการค้า ซึ่งไทยพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับคู่ค้าต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีนอย่างสมดุลเพื่อประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ Bank of America เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินชั้นนำของโลก โดยได้รับการจัดอันดับให้เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกตามมูลค่าตลาด (market capitalization) รองจาก JPMorgan Chaseทั้งนี้ Bank of America มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ และมีการดำเนินงานครอบคลุมมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลก และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการค้าและการลงทั้งทุนในสหรัฐฯ และระหว่างประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลั่นไทยไม่ใช่นักเรียนประถม! จวกสหรัฐทำตัวเป็นครูใหญ่ถือไม้เรียวขู่

จวกสหรัฐอเมริกาใช้กำแพงภาษีขู่ไทยเหมือนครูใหญ่คุมเด็กประถม พร้อมชี้ไทยไม่ใช่สนามเด็กเล่นของวอชิงตัน และอธิปไตยไม่ใช่ของแลกผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์กับใครทั้งนั้น

ผบช.ไซเบอร์ ถกสถาบันการเงิน เร่งปรับแนวทางปลดอายัด ลดความเดือดร้อนปชช.

จากความกังวลของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น ทาง บช.สอท. ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิด จึงได้หารือกับสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย

สส.พปชร. ซัดรัฐบาลเป็ดง่อย ปกปิดข้อมูลภาษีทรัมป์ 19% ไทยเสียอะไรบ้าง

"สส.พปชร." เรียกร้องรัฐบาลเปิดข้อมูลเจรจาภาษีทรัมป์ รู้กันอยู่ 19 % ได้มาอย่างไร ต้องไม่นำความมั่นคงไปเกี่ยว มีรายการใดให้สหรัฐ 0% หวั่นกระทบเกษตรก