ปธ.กมธ.ศึกษาระบบเตือนภัย ชี้ต้องแก้เรื่องอำนาจสั่งการ ไม่ต้องรอผู้บริหารระดับสูงอนุมัติ

“ปกรณ์วุฒิ” บอก ถือเป็นสัญญาณที่ดี “รบ.-หน่วยงาน” เข้าใจควรมีเซลล์บรอดแคสต์เร่งด่วน ชี้ ต้องมีความคล่องตัวสั่งอนุมัติข้อความ Cell Broadcast

29 เมษายน 2568 - ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาแนวทางการจัดทำระบบเตือนภัยแห่งชาติ ผ่านเทคโนโลยีด้านสื่อสารโทรคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวาระพิจารณาเรื่อง แนวทางการพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และจะมีการติดตามเรื่องอะไรบ้าง ว่า ได้มีการตั้งอนุกมธ.ฯ นี้มานานแล้ว และเราได้จัดทำเนื้อหาทั้งหมดเกือบเสร็จสิ้นแล้ว กำลังจะสรุปรายงาน แต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นมาก่อน

ทุกคนในอนุกมธ.ฯ จึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะขยายระยะเวลา เพื่อจะให้เหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษาที่ใส่ไว้ในรายงาน และศึกษาว่าในอนาคตระบบเตือนภัยที่เราควรมีจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เฉพาะในแง่ของแผ่นดินไหวแต่เป็นเรื่องอื่นๆ เพราะเราควรถอดบทเรียนสิ่งที่เราเห็นในเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดด้วย

วันนี้เป็นการนัดประชุมครั้งแรก หลังจากที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว ความจริงอยากจะนัดเร็วกว่านี้ แต่ก็เข้าใจว่าหลายหน่วยงานคงมีงานหรือภาระค่อนข้างเยอะหลังจากเกิดเหตุ จึงเว้นระยะเนื่องจากเป็นช่วงปิดสมัยประชุมด้วย และคิดว่ารอให้หน่วยงานพร้อมได้ ซึ่งคงจะมีการถามคำถามเบื้องต้นกับแต่ละหน่วยงานเรื่องของการถอดบทเรียนที่ในแต่ละหน่วยงานต้องการความสนับสนุน เพื่อทำให้ระบบเตือนภัยสามารถมีประสิทธิภาพได้มากขึ้นในอนาคต โดยเชิญมา 6 หน่วยงานได้แก่ อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ผู้อำนวยการสำนักการวิจัยแห่งชาติ ผู้อำนวยการกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

เมื่อถามว่าเรื่อง Cell Broadcast จะมีการติดตามอย่างไรบ้างเพราะในต้นเดือนพ.ค. จะมีการทดสอบระบบด้วย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่อง Cell Broadcast ในกมธ.การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เรียกหน่วยงานมาประชุมแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับทราบความคืบหน้าค่อนข้างดี และเป็นสัญญาณที่ดีว่าทางรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆก็เข้าใจหลังจากที่เกิดเหตุเหตุการณ์ขึ้นว่าระบบนี้ควรมีโดยเร่งด่วนจริงๆ ได้รับการรับปากจากหน่วยงานต่างๆว่าภายในก.ค. จะสามารถใช้ได้ และในเดือนพ.ค. ก็จะมีการทดสอบระบบ แต่ยังคงเป็นระบบเวอร์ชวลคือ ตัวฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่หน่วยงานรัฐต้องใช้ตอนนี้ยังไม่เสร็จ จึงต้องให้ทางเอกชนทำเวอร์ชวล ในซอฟต์แวร์ของเขาเองขึ้นมาก่อนเพื่อทดสอบว่าใช้ได้จริง และทราบว่าได้มีการคุยกับบริษัท แอปเปิ้ล เรียบร้อยแล้ว จึงถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และหวังว่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่ตนและกมธ. ได้ตั้งข้อสังเกตไว้คือ นอกเหนือจากเรื่องเทคโนโลยีคือเรื่องของกระบวนการในการสั่งการที่จำเป็นต้องคล่องตัว คือต่อให้เราส่งข้อความให้ประชาชนได้ภายใน 5 วินาที แต่กว่าจะอนุมัติการส่งได้ ต้องผ่านคนโน่น คนนี้ ขั้นตอนเยอะแยะ จึงทำให้ระบบเตือนภัยไม่มีประสิทธิภาพอยู่ดี ซึ่งทางหน่วยงานก็รับปากและบอกว่ามีการพูดคุยเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

ทั้งนี้ ตนได้ไปดูงานที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เห็นว่ามีปัญหาเรื่องอำนาจการสั่งการจริงๆว่าต้องเป็นผู้บริหารระดับสูงที่จะอนุมัติข้อความ ตนจึงให้ข้อสังเกตไป

ทางหน่วยงานจึงบอกว่ามีการพูดคุยกันเบื้องต้นว่าจะมีการขยายกรอบอำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่ หรืออาจจะต้องไปแก้กฎระเบียบบางข้อในระดับที่ไม่จำเป็นต้องผ่านสภาฯ ซึ่งหากติดต่อคนที่ 1 หรือ 2 ไม่ได้ อาจจะลงไปถึงผอ.หน่วย ที่นั่งอยู่ในห้องสั่งการจริงๆว่าให้อำนาจโดยชอบธรรมทางกฎหมายที่สามารถทำได้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเพราะถ้าให้คนหน้างานสามารถตัดสินใจได้ เขาจะเห็นข้อมูลทั้งหมดและรู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้ควรจะเตือนเร่งด่วนหรือไม่