“นักวิชาการธรรมศาสตร์” ชี้การเลือกตั้งเทศบาลครั้งนี้มีคนรุ่นใหม่ลงสมัครอย่างมีนัยสำคัญ ระบุในการเลือกตั้งท้องถิ่นกระแสความนิยมต่อพรรคไม่สอดคล้องหรือสัมพันธ์ต่อชัยชนะ แต่จะขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า พร้อมค้านข้อกำหนดที่บังคับให้นักการเมืองดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระ เหตุไม่สมเหตุสมผล ย้ำหลักการสำคัญ นักการเมืองจะอยู่หรือไปควรวินิจฉัยผ่านกระบวนการเลือกตั้งโดยประชาชนเท่านั้น
9 พฤษภาคม 2568 - รศ. ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์ หัวหน้าสาขาวิชาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับเทศบาลทั่วประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 11 พ.ค. 2568 นี้ มีสิ่งที่น่าสนใจคือ มีคนรุ่นใหม่เข้ามาสมัครเป็นตัวแทนการเมืองท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมไปถึงแนวนโยบายที่ใช้สำหรับการหาเสียงได้มีการนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยีต่างๆ มาปรับใช้ในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าและความสร้างสรรค์เชิงนโยบาย อย่างไรก็ดีการเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างกับการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะเห็นพรรคการเมืองและนักการเมืองระดับชาติ ลงมาให้การสนับสนุนอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ เพราะการเลือกตั้ง อบจ. เป็นดัชนีชี้วัดความนิยม หรือฐานคะแนนเสียงของพรรคการเมืองและตัวแทนในแต่ละเขตการเลือกตั้งได้เป็นอย่างดี โดยผ่านการเลือกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) รวมไปถึงการใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างฐานและกระชับพลังของหัวคะแนนในเขตต่างๆ ด้วย ขณะที่การเลือกตั้งในระดับเทศบาลอาจจะเชื่อมโยงกับการเมืองระดับชาติน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเชื่อมโยงอยู่บ้าง ภายหลังพบว่ามีบางพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาชน ได้ประกาศจุดยืนและเอาจริงเอาจังกับการสนับสนุนการเมืองท้องถิ่นในทุกระดับ ด้วยเชื่อว่าการสร้างฐานรากจากเวทีท้องถิ่นจะเป็นพลังสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมืองระดับชาติได้ในระยะยาว แต่ถึงกระนั้น ผลจากการเลือกตั้งระดับ อบจ. ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคประชาชนพ่ายแพ้และพลาดเป้าหมายไปในหลายๆ จังหวัด ย่อมเป็นตัวอย่างที่สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่ากระแสความนิยมที่มีต่อตัวพรรคไม่สอดคล้องหรือสัมพันธ์ต่อชัยชนะในการเมืองท้องถิ่น แต่จะขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวว่า แม้พรรคประชาชนที่ส่งต่อจุดยืนมาจากพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคการเมืองอื่นๆ หันมาให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมากขึ้น แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นมีการกระจายอำนาจมากว่า 20 ปี ได้ทำให้บทบาทการเมืองท้องถิ่นมีความเข้มแข็งและทวีความสำคัญมากขึ้นตามลำดับ จนทำให้อดีตรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จำนวนไม่น้อย เลือกที่จะลงมาทำงานในสนามนี้
“แม้ว่านักการเมืองท้องถิ่นในหลายๆ ที่จะมีความคิดก้าวหน้าและริเริ่มแนวทางนโยบายใหม่ๆ แต่ในทางปฏิบัติ ผู้บริหารเหล่านั้นยังต้องพบกับข้อจำกัดจากกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆมากมายที่ไม่เอื้อให้กับความคิดสร้างสรรค์ดีๆ ได้ทะลุกรอบ เพื่อความคล่องตัวในการทำงานบริการประชาชน แต่ก็ถือเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมว่า ท่ามกลางอุปสรรคที่มีผู้บริหารท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยยังสามารถขับเคลื่อนและผลักดันการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนได้ ด้วยเหตุนี้การเมืองในระดับท้องถิ่นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง” รศ. ดร.วสันต์ กล่าว
รศ. ดร.วสันต์ กล่าวอีกว่า อยากจะฝากถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการเลือกตั้งอย่าง กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าให้เห็นความสำคัญของการเลือกตั้งท้องถิ่น มากพอๆ กับการเลือกตั้งระดับชาติ ช่วยเอื้ออำนวยให้เกิดความสะดวกและความคล่องตัว ผ่านการเลือกวัน เวลา เลือกตั้งที่พร้อมๆ กันทั่วประเทศ โดยต้องสอดรับกับวิถีชีวิตของประชาชนซึ่งจะทำให้สัดส่วนจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ส่วนตัวมองว่าข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงมหาดไทย (มท.) ให้นักการเมืองทุกระดับดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระ เป็นข้อบังคับที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะการอนุญาตให้นักการเมืองคนใดอยู่ต่อหรือไปจากตำแหน่งควรอยู่ในการวินิจฉัยผ่านกระบวนการเลือกตั้งโดยประชาชนเท่านั้น ไม่ควรเป็นหน้าที่ของรัฐในการเข้าไปจัดแจงเรื่องดังกล่าว
“หากนักการเมืองคนไหนที่มีความสามารถในการบริหารจนสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนในพื้นที่และต้องการให้อยู่ต่อ ข้อบังคับเช่นนี้จึงสวนทางกับเจตนารมณ์ของประชาชน จริงอยู่ว่าในบางประเทศ อาจจะมีการกำหนดวาระไว้เช่นนี้เหมือนกัน ทว่าไม่ได้มีการบังคับใช้แบบแบบปูพรมทั่วทั้งประเทศ และทุกระดับแบบของเรา แต่มักจะเกิดขึ้นในท้องถิ่น ท้องที่ใด ที่ประชาชนเกิดฉันทามติร่วมกันว่าควรจะมีการกำหนดวาระนักการเมืองเอาไว้จึงจะมีการกำหนดข้อกฎหมายเหล่านี้ขึ้นมา” นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดนิยาม ผู้สมัคร อบต. ต้องนับตั้งแต่ ‘เสนอตัว’ ไม่ใช่วันได้สมัครต่อ กกต.
“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ผ่าปมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น หลังนักการเมือง อบต.ฮือฮาแจกของช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ระบุชัด สถานะ ผู้สมัคร เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ประกาศตัวลงสนาม ไม่ใช่วันที่ยื่นใบสมัครต่อ กกต. พร้อมเตือ
ดร.ณัฏฐ์ ชำแหละปมกฎหมายท้องถิ่น ถอยหลังลงคลอง เปิดทางผูกขาดอำนาจ
“ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน ชำแหละ ปมแก้ไขกฎหมายท้องถิ่น กรณีผู้บริหารท้องถิ่น “ลดอายุ” และ “ไม่จำกัดวาระ” ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ผูกขาดอำนาจท้องถิ่น
'บ้านใหญ่'ยึดเก้าอี้ท้องถิ่น 'พรรคส้ม'เขย่าฐานอำนาจ
การเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2568 สิ้นสุดลงด้วยภาพที่ไม่ต่างจากอดีต เพราะการเมือง “บ้านใหญ่” ยังคงครองอำนาจในสนามท้องถิ่นอย่างเหนียวแน่น
ดราม่าหาเสียง! คนขับรถป้ายส้มเดือด คว้าเก้าอี้หมายฟาดผู้สมัคร หลังถูกแซะ 'ส้มปลอม'
ผู้สมัคร สท. พันท้ายนรสิงห์ เข้าแจ้งความหลังถูกชายขับรถหาเสียงป้ายสีส้มบุกปรี่หมายทำร้าย คาดไม่พอใจคอมเมนต์ “ส้มปลอม” โชคดีชาวบ้านช่วยห้ามทัน
สองขั้วการเมืองท้องถิ่นลุยหาเสียง เลือกตั้งเทศบาลเมืองชุมเห็ด จ.บุรีรัมย์
สองขั้วการเมืองท้องถิ่น “ร.ต.ต.สมชาย ภิรมย์ชาติ” หัวหน้าทีม “กลุ่มภูมิใจพลังชุมเห็ด” และ “พยุงรัฐ ชาเรืองเดช” หัวหน้าทีม “กลุ่มชุมเห็ดบ้านเรา” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองชุมเห็ด จ.บุรีรัมย์ พร้อมทีมผู้สมัคร ส.ท. ลุยหาเสียง
กกต.แจ้งประชาสัมพันธ์ สีบัตรเลือกตั้ง ‘สท.-นายกเทศมนตรี’
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกภาเทศบาล (สท.)และนาย


