14 พฤษภาคม 2568 - เวทีอภิปรายสาธารณะ เนื่องในโอกาส 33 ปีเหตุการณ์พฤษภา 35 จัดเสวนาหัวข้อ “ถึงเวลานิรโทษกรรมประชาชน สลายความขัดแย้งประเทศไทย” ณ ห้องประชุมธวัช บุรีรักษ์ ชั้น 12 ตึก 2 คณะสังคมศาสตร์ มศว. ประสานมิตร
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า ตอนนี้เหตุการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งเหตุการณ์โลกทุกประเทศมีปัญหามาก ถ้าหากเราไม่รวมตัวเป็นหนึ่งเดียว ก็ยากที่จะก้าวพ้นสงครามเศรษฐกิจครั้งนี้ แต่จะทำอย่างไรก็ต้องเป็นหน้าที่ของทุกคนบนเวทีต้องช่วยหากันหาทางออก ทั้งนี้ความเข้าใจที่ว่าออกกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่สามารถที่จะทำได้ แต่ไม่ถือว่าเป็นความบกพร่องของภาคประชาชน แม้ว่าตนเรียกร้องเรื่องนี้เป็นปีที่ 33 แล้ว ทั้งนี้สาเหตุที่เสนอให้ออกกฎหมายเสริมสร้างสังคมสันติสุข เพราะใช้คำเดิมอำนาจมันซ้อนกันอยู่ รู้กันว่านิรโทษกรรมของประชาชนทั่วไปว่าทุกสีเป็นอำนาจของรัฐบาล สามารถออกได้ แต่เผอิญว่ากฎหมายฉบับนี้ไปเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ซึ่งเป็นพระราชอำนาจที่ใครจะล่วงละเมิดไม่ได้ จึงไม่มีใครกล้าพิจารณา
ด้านรศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มศว.ประสานมิตร กล่าวว่า นิรโทษกรรมเป็น 1 ในเครื่องมือหนึ่งที่แก้ไขปัญหาเฉพาะกิจเฉพาะคราว และเป็นการแก้ไขปัญหาที่อาจจะไม่มีความยั่งยืนเท่าใดนักถ้ามองไปในอนาคต ฉะนั้นถ้าต้องป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งหรือความรุนแรงเกิดซ้ำ ทั้งนี้เรื่องกระบวนการปรองดอง มีการคุยกันอยู่เสมอว่า จะมีการค้นหาความจริง มีการเยียวยาและจะมีการดำเนินคดี ซึ่งถ้าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายปกติ ก็จะไปใช้ช่องทางของอัยการ หรือค่อยๆกรองใครมีปัญหาว่ามูลเหตุจูงใจทางการเมือง คือ อะไรในกรรมาธิการฯก็มีการคุยกัน มีการจัดทำบัญชีท้ายตัวร่างพ.ร.บ.ว่าคดีประเภทไหน ถ้าไม่ใช้กระบวนการที่ทำตามปกติ นิรโทษกรรมก็เป็นเครื่องมือหนึ่ง
รศ.ดร.ภูมิ กล่าวว่า อีกข้อหนึ่งที่สำคัญในกระบวนการปรองดอง คือ การปฏิรูปสถาบันที่มีส่วนทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในรายงานของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ ( คอป.) ชุด นายคณิต ณ นคร เช่น มีการพูดถึงการปฏิรูปกองทัพ การปฏิรูปกระบวนยุติธรรมทางอาญา แล้วก็เรียกร้องของทุกฝ่าย จะต้องไม่นำสถาบันมาเป็นข้อพิพาทในทางการเมือง เป็นต้น คือสิ่งที่เราจะต้องดูมิติในเรื่องของสถาบัน เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ในสังคมด้วย และข้อเสนอแนะของคอป.มีพูดถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำต่างๆ เช่น เรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ความไม่เสมอภาค สิ่งนี้คงจะละเลยไม่ได้ที่อยากจะให้สังคมมีความสันติสุขในระยะยาวต่อไป
“ปริญญา แนะ อย่ามัดรวมนิรโทษเป็นก้อน”
ขณะที่ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม กล่าวว่า นายปริญญากล่าวว่า เข้าใจว่าคำว่านิรโทษกรรมเหมือนกับของแสลง เช่น กรณีศาลรัฐธรรมนูญเอาเหตุที่พรรคการเมือง เสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 มายุบพรรค จึงกลายเป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยกล้า ทั้งนี้การนิรโทษกรรมจะยากกว่าอภัยโทษ เพราะด้วยความที่มีหลายระดับ ตั้งแต่ยังไม่จับกุมและอาจถูกหมายจับอยู่ หรือเป็นผู้ต้องหาแล้วอยู่ระหว่างการสอบสวน เมื่อมีหลายระดับจึงมีความซับซ้อนมากกว่า และข้อหาเป็นเรื่องของการเมืองล้วนๆก็ง่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องก้ำกึ่งหรือเป็นข้อหาก็ต้องเป็นความผิดตามกฎหมาย ต้องเป็นเรื่องที่ต้องมาพิจารณากัน
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า เรื่องของการนิรโทษกรรมถ้าดูจากบทเรียนที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่ผู้มีอำนาจเป็นผู้กระทำ หรือทหารยึดอำนาจทุกครั้งก็จะนิรโทษกรรมให้ตนเอง หรือคราวใดที่ไปทำประชาชนตายขึ้นมา เช่น 6 ตุลาคม 2519 หรือพฤษภาคม 3535 เขาก็จะรีบนิรโทษกรรม โดยเหตุผลที่บอก คือ นิรโทษกรรมให้กับประชาชน เหมือนกับมีบางคนไปกระทำเข้าข่ายที่กระทำผิดกฎหมาย ก็อ้างว่านิรโทษกรรมให้ประชาชน แต่ไปอ่านดูเป็นการนิรโทษกรรมทั้งหมดทุกคนที่เกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์นั้น คือ เหตุผลว่าทำไมเหตุการณ์ต่างๆจึงเอาผิดใครไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าญาติจะพยายามต่อสู้คดีไปถึงชั้นศาล แต่ศาลก็บอกว่านิรโทษกรรมไปแล้วก็จบ ตรงนี้คือปัญหาก็ทำให้การฆ่าประชาชน โดยไม่มีการตั้งข้อหาหรือดำเนินคดีในศาล หรือตามเห็นควร ซึ่งเหตุการณ์พฤษภาคม 35 เกิดขึ้นแล้วก็ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า เรื่องของนิรโทษกรรมมีทั้งเรื่องการเมือง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ตั้งแต่เหตุการณ์ชุมนุมที่ผ่านมา ตั้งแต่หลังพฤษภาคม 35 ตั้งแต่ปี 2549 ก็ควรจะนิรโทษกรรมให้ เพราะเป็นเรื่องของความเห็นต่าง และความขัดแย้งก็ควรจะจบ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับกฎหมายอาญาในบางมาตรา ตรงนี้คิดว่าจะทำรวดเดียวเป็นก้อนไม่ได้
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า เรื่องที่หนักกว่านี้เราก็เคยแก้สำเร็จมาแล้ว คราวนี้ดูเหมือนจะยากกว่า แต่ความจริงแล้วมันแค่ซับซ้อนกว่า ซึ่งตนขอเสนอแก้ปัญหาความซับซ้อนโดยมีคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ที่ทุกคนเห็นด้วยและจะดูว่าจะแก้กันอย่างไร เช่น ขั้นตอนอยู่ระหว่างการสอบสวน หรือเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาล ฉะนั้นต้องแยกแยะเป็นกลุ่มๆไม่ใช่รวมเป็นก้อนเดียว แล้วมาดูกรณีที่เห็นต่างกันอยู่ดำเนินการอย่างไร การเจรจาต้องเจรจาจากเรื่องง่าย การที่พรรคการเมืองไปคุยกันเพราะว่าคุยกันประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ เพราะเรื่องจะต้องกลับมาสู่สภาแล้วสุดท้ายที่รัฐบาล
“การนิรโทษกรรมเหมือนกับเป็นการมัดรวมกัน ซึ่งควรที่จะมีการแยกแยะ แต่วิธีการจะแยกแยะได้ต้องมีคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งประกอบด้วยผู้คนที่หลากหลายมาพิจารณากัน แต่กลายเป็นว่าไม่ช่วยเลย เพราะถ้าช่วยแล้ว เช่น ใน 100 คนจะมี 2 คนที่ยังเถียงกันอยู่ว่าควรช่วยหรือไม่ ก็เลยไม่ช่วยใครสักคนเลย เปรียบเสมือนหมอมีคนไข้ 100 คน ก็ต้องแยกแยะตามอาการของโรค แต่ขณะนี้เราไม่ปล่อยใครกลับบ้านเลย ทั้งที่คนไข้กลับบ้านได้ 7 คนใน 100 คน เช่น อาจจะมีคนป่วยหนัก 1-2 คน แต่เรากลับไม่ปล่อยเลยซักคนเดียว ผมคิดว่าต้องมีกรรมการชุดหนึ่งแยกแยะเป็นกลุ่มๆไป”
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวอีกว่า ขั้นแรกต้องมีคณะบุคคลซึ่งประกอบด้วยบุคคลที่เรายอมรับกัน มาสางก่อนว่าใครอยู่ค่ายไหน ตำรวจ อัยการ ศาลหรือราชทัณฑ์ แล้วเป็นเรื่องๆไป แบบนี้ก็จะสำเร็จเพราะหากไปบอกว่าจะยกเว้นความผิดทั้งหมดไปพร้อมพร้อมกันมันก็จะไม่สำเร็จ
“พรรคประชาชน ยัน ร่างที่เสนอไร้ ม.112”
ขณะที่น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ผู้แทนพรรคประชาชน กล่าวว่า ร่างของพรรคประชาชนไม่มีเรื่องของมาตรา 112 เราต้องการที่จะปรองดองสลายความขัดแย้งต่างๆ หรือเปลี่ยนชื่ออะไรก็ได้ แต่ทิ้งเด็กกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่กำลังดำรงอยู่ ยังไม่มีการยื่นของประกันตัว ยังมีการเข้าเรือนจำอยู่ ทุกวันเด็กนักศึกษาจำนวนมากลี้ภัยไปเยอะแล้ว และคนที่ลี้ภัยไม่ใช่หมูหมากาไก่ แต่เป็นเด็กที่มีความสามารถทั้งนั้น เพราะว่าเป็นลูกความของดิฉันทั้งนั้น จึงรู้สึกเสียดายเพราะหลายคนมีความรู้ความสามารถ เช่น เพนกวิน ก็ยังต้องลี้ภัย ที่น่าเศร้าคือเป็นคนที่มีความสามารถ มีโอกาสที่จะไปต่อได้ แต่คนที่อยู่ในเรือนจำไปไหนไม่ได้ เช่น ทะลุวัง ทะลุแก๊ส สุดท้ายแล้วพรรคประชาชนพยายามพูดคุยกับหลายพรรคการเมือง ว่าทำไมจะต้องรับร่างของพรรคก้าวไกลเดิม เพราะไม่ได้มีการระบุมาตราชัดเจนขนาดนั้น แต่เรามีร่างของเราคล้ายกันกับคณะกรรมาธิการและแรงงาน เรื่องอื่นๆระบุว่าไม่รวม 112 แต่เราถูกเปิดประตู
นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า ประเด็นนิรโทษกรรมกับปรองดองเป็นคนละประเด็นกันไม่ใช่ 1 + 1 จะเป็น 2 ถ้านิรโทษกรรมดีก็ควรปรองดอง ถ้านิรโทษกรรมไม่ดีอาจจะไม่ปรองดองมันเป็นคำพูด 2 คำซึ่งหลายคนที่คิดอาจจะให้เป็นไปในทางเดียวกัน คือ นิรโทษกรรมและมีการปรองดอง ทั้งนี้นิรโทษกรรมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตนได้ร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกปปส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไม่รู้กี่คณะ เพื่อพยายามดำเนินการ จนเราพูดว่าหากนำร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรม คงสูงท่วมหัวแล้ว ในแง่ของประชาชนถ้าใครทำผิดท่ามกลางข้อดี-ข้อเสีย เราต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร ให้สังคมเกิดข้อดีเป็นหลัก อย่างไรก็ตามผมเดินหน้าเรื่องนี้มาประมาณ 10 ปีแล้วตอนที่เป็นสส.อยู่ก็พยายามเดินหน้า
นายปรีดา บุญเพลิง พรรคกล้าธรรม กล่าวว่า ในฐานะที่ทำพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะสลายความขัดแย้ง ยืนยันว่าเรื่องนี้ตนได้เสนอร่างไปแล้ว และขณะเดียวกันพรรคการเมืองต่างๆ ก็รอว่ารัฐบาลจะเอาร่างรัฐบาลเข้าเมื่อไหร่ ซึ่งตนจะติดตามเรื่องนี้ด้วยชีวิตของตนเอง เพื่อให้ผลงานนี้สำเร็จเพื่อบ้านเมือง ทั้งนี้สภาประชาธรรมเป็นนิมิตหมายที่ดี เพื่อที่ประชาชนจะอยู่กันอย่างมีธรรมะ ทำอะไรถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ในสังคมบ้านเมืองของไทยสังคมไทยเป็นสังคมที่เหมือนกับประเทศใดในโลกชื่นชมประเทศไทย ที่รักชอบและอยากอยู่ประเทศไทยเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ เราควรที่จะที่จะรักษาไว้ความเห็นต่างเป็นเรื่องของทุกประเทศในโลกเพราะฉะนั้นต้องรับฟังเสียงเสียงส่วนใหญ่
ด้านนางพะเยาว์ อัคฮาด ญาติของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์พฤษภา 2553 กล่าวว่า กล่าวว่า นิรโทษกรรมก็ไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายอะไร ดิฉันก็เคยขัดขวางในกรณีไม่เห็นด้วยกับนิรโทษกรรม เป็นตัวตั้งตัวตีในการต่อต้านและมาบัดนี้ผ่านเหตุการณ์มา 35 ปีก็ได้รับรู้และตกผลึกหลายอย่าง ที่ได้เจอมาและบอกตรงๆ ซึ่งเห็นด้วยกับที่นายปริญญาพูด เรื่องการนิรโทษกรรมจะมัดรวมไม่ได้เพราะจะมีปัญหา นอกจากนี้แต่ละพรรคการเมืองจะมีความขัดแย้ง ทั้งนี้อยากเห็นเด็กคนรุ่นใหม่ที่กำลังมีปัญหา มีโอกาสหายใจ มีโอกาสที่ชีวิตเขาจะไม่ตกอยู่กับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ซึ่งเราก็เคยผ่านในวันนั้นมาแล้ว ทำไมเราไม่เอาตรงนั้นมาคิด มันติดอยู่ที่ว่าเราพูดกัน หรือหลายฝ่ายพูดกันมานานแต่ไม่ได้ลงมือ ทำพูดกันมาตลอดทุกเรื่อง เก่งแต่เรื่องพูดแต่เวลาทำจริงๆไม่มีใครทำเลี่ยงบาลีกันไปหมด
นายศิริชัย ไม้งาม กล่าวว่า ได้ฟังคนรุ่นใหม่พูดถึงเรื่องของมาตรา 112 คนรุ่นใหม่อ่อนต่อโลกมันจะไม่ทันในการติดตามข้อมูลข่าวสาร อาจจะไม่มีการกลั่นกรองตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ หลายคนถูกดำเนินคดีหมดอนาคต
จี้รัฐบาลอนุมัติงบจัดสร้างอนุสาวรีย์วีรชนฯ
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา' 35 สรุปประเด็นการอภิปรายว่า 1. ข้อเสนอการนิรโทษกรรมประชาชน โดยเฉพาะนักโทษทางการเมืองและนักโทษทางความคิดในประเทศไทย ไม่ใช่นิรโทษกรรมเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้มีอำนาจ หรือผู้กระทำความผิด เช่น การรัฐประหาร การสังหารหมู่ประชาชนในเหตุการณ์ต่างๆ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้มีอำนาจรัฐได้นิรโทษกรรมตนเองไปหมดแล้ว
2. นับตั้งแต่ปี 2563 มีคนรุ่นใหม่ที่สูญเสียอนาคตเพราะเหตุการณ์ทางการเมืองจำนวนมากและเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ที่ต้องคดีทางการเมือง ทั้งคดีการชุมนุม คดีการแสดงความคิดเห็น การแชร์ Facebook คดี 112 เป็นต้น ด้วยเหตุจูงใจทางการเมืองต่างๆ ทำอย่างไรจะนำเขาคืนกลับมาสู่สังคม และสลายความขัดแย้ง
3.ต้องมีการจัดการความทรงจำ ของประชาชนในเหตุการณ์ ความขัดแย้ง และคืนความชอบธรรมให้แก่สังคม โดยเฉพาะเหยื่อผู้ถูกกระทำ ดังที่มีการสัมภาษณ์เหยื่อในปี 53 ที่เรียกว่า Truth Seekking
4.บทเรียนจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 19 และความขัดแย้งทางสังคมที่นำพาคนหนุ่มสาวเข้าสู่ป่าเขาและสู้รบด้วยกองกำลังอาวุธ เป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่เกิดสงครามกลางเมืองมากกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศแต่สุดท้ายแล้วก็สามารถนิรโทษกรรมและปรองดองคืนสู่สังคมได้ โดยใช้คำสั่งที่ 66/23 เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าท่ามกลางความขัดแย้ง รัฐสามารถที่จะสรุปบทเรียนและแก้ไขได้
5.ควรมีกรรมการกลั่นกรอง โดยรัฐสภา เพื่อให้ทุก พรรคการเมืองและทุกฝ่ายได้หันหน้าหารือกัน เรื่องคดีนักโทษทางการเมืองและนักโทษทางความคิดทั้งหมด
6.ปัจจุบันมีความขัดแย้งเรื่องมาตรา 112 หรือคดีการเมืองต่างๆ ในหลายมิติและหลายระดับ ก็ควรให้มีคณะกรรมการพิจารณาตามกฎหมายนิรโทษกรรม
7.การนิรโทษกรรมประชาชนวันนี้อยู่ที่ผู้มีอำนาจและรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลแล้วว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ ตามที่พรรคเคยหาเสียงไว้ โดยรัฐบาลสามารถผ่านกฎหมายทั้ง 4 ฉบับได้ โดยไปแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการตามเจตนารมณ์ที่หาเสียงไว้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเสนอกฎหมายใหม่ของตนเอง
สำหรับข้อเสนอของญาติวีรชนพฤษภา 35 ซึ่งมีภารกิจในเรื่องของการดูแลญาติผู้เสียชีวิต รัฐบาลทักษิณเคยตั้งคณะกรรมการอิสระชุดคุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานและมีมติให้ชดใช้แก่ผู้เสียชีวิตและสูญหายเพื่อสร้างบรนทัดฐานทางสังคม แต่กลับไปใช้กฎหมายช่วยเหลือภารกิจรัฐด้านภัยพิบัติเยียวยาวีรชนแทน ซึ่งเป็นการลบหลู่วีรชน ไม่ดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระที่ต้องการให้รัฐรับผิดชอบตามหลักการสากล
ภารกิจที่สอง ค้นหาคนหายและหาคำตอบคนหายในเหตุการณ์พฤษภา 35 ซึ่งเคยมีทหารในเหตุการณ์แจ้งข้อมูลมาว่ามีการส่งผู้เสียชีวิตเพื่อทำลายศพไปยังเขตทหารในจังหวัดกาญจนบุรี และบริเวณทะเลแสมสาร ซึ่งเมื่อ 10 กว่าปีก่อน พยายามให้มีการตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์กลางทะเล แต่มีการตรวจค้นแค่ตู้แรกแล้วปิด การตรวจค้นในตู้ต้องสงสัยที่อยู่ถัดออกไป
ภารกิจที่ 3 จัดสร้างอนุสรณ์สถานพฤษภาประขาธรรมและอนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35 แต่ที่ผ่านมายังไม่แล้วเสร็จ แม้รัฐบาลมีมติครม.เมื่อ 30 ธันวาคม 2546 แต่ยังไม่เคยอนุมัติงบประมาณมาก่อสร้างเลย โดยมูลนิธิพฤษภา ญาติวีรชน และกทม. ต้องดำเนินการเบื้องต้นกันเอง ซึ่งหวังว่ารัฐบาลแพทองธารซึ่งเป็นลูกของคุณทักษิณจะพิจารณาอนุมัติงบประมาณในปีนี้เพื่อสร้างอนุสาวรีย์วีรชนให้สำเร็จลุล่วง
สำหรับข้อเสนอการนิรโทษกรรมทางการเมือง สมควรให้มีการนิรวัตกรรมนักโทษทางการเมืองและนักโทษทางความคิดในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งมีทั้งระหว่างต้องคดี ไม่ได้รับการประกันตัว หรืออยู่ระหว่างการจำคุกระหว่างต่อสู้คดี สำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งพันธมิตร นปช. และขบวนคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีมูลเหตุทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของชาติ แม้ถูกจับกุมคุมขังมาแล้วก็ควรให้มีการนิรโทษกรรมทั้งหมดและออกกฎหมายล้างมลทินเพื่อกลับมาใช้ชีวิตต่อได้ในสังคมได้โดยไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตามข้อเสนอของ คอป. ที่เคยทำรายงานไว้ทั้งหมดแล้ว แต่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยดำเนินการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาฯ ลงมติเอกฉันท์ 280 เสียง ไฟเขียวกฎหมายนิรโทษกรรม
สภาฯ เอกฉันท์ผ่านร่างกม.นิรโทษกรรม ส่งวุฒิสภาพิจารณาต่อ “กมธ.” ยืนยันทำร่างกฎหมายละเอียด รอบคอบแล้ว หลังถูกท้วงเลือกนิรโทษกรรมบางกลุ่ม
มติสภาฯ 184 เสียง 'ตีตก' นิรโทษกรรมเยาวชน-ผู้ต้องคดี 112
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เข้าสู่การพิจารณามาตรา 3 ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้มิให้ใช้บังคับแก่บุคคลที่กระทำความผิดหรือถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดอันมีสาเหตุมาจากการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกใดๆ
'แก้วสรร' แพร่บทความ 'การกลับมาของทักษิณ???'
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกบทความในรูปถาม-ตอบ เรื่องการกลับมาของ “ทักษิณ” ???
'ญาติวีรชนพฤษภา 35' ยื่น กมธ.นิรโทษฯ แปรญัตติต้องไม่รวมคดี 112 ชี้เป็นพระราชอำนาจ
"ญาติวีรชนพฤษภา 35" ยื่นข้อเสนอถึง "กมธ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข" นำแนวทางสร้างความปรองดอง ของ สปช. มาใช้พิจารณา ย้ำ ต้องยึดหลักการที่สภาฯ ลงมติวาระหนึ่ง-แปรญัตติ ม.112 ที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบไม่ได้ เพื่อป้องซ้ำรอยนิรโทษกรรมสุดซอย
'เต้น ณัฐวุฒิ' นั่งประธาน กมธ.นิรโทษกรรม 'หมอเชิดชัย-โรม-วิชัย' รองปธ.
ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... นัดแรกเพื่อเลือกตำแหน่งต่างๆ ในกมธ.ฯ โดยมีนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และนายวรวิทย์ บารู สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ (ปช.
'พรรคส้ม' ต้องรับผิดชอบ! นำผู้ต้องคดี 112 มารับผิด สำนึกผิดและขออภัยโทษ ฐานยุยงคนรุ่นใหม่ทะลุธง
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ใครควรรับผิดชอบ ทั้ง ไอซ์ รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน และ ต๋อม ชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต่างออกมาโวยวายแกมขู่ว่าจะอยู่ไม่สงบทั้งชาติ

