'สมศักดิ์' เปิดงาน Healthcare 2025 เดินหน้า NCDs–ดูแลสุขภาพทุกช่วงวัย

“สมศักดิ์” เปิดงาน Thailand Healthcare 2025 ยัน สธ.ให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนทุกช่วงวัย โชว์ขับเคลื่อน NCDs-บริการทุกช่วงวัย ช่วยประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุข-ลดผู้ป่วย

26 มิถุนายน 2568 - นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ปาฐกถาพิเศษเปิดงาน Thailand Healthcare 2025 A Better Life : สร้างสุขทุกช่วงวัย โดยมี นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นายปราปต์ บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายชลิต กิติญาณทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายรายได้ นายสุรพล พิทยาสกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษและการตลาด นายนฤตย์ เสกธีระ บรรณาธิการ กองบรรณาธิการมติชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า โครงสร้างประชากรเป็นความท้าทายที่สำคัญของประเทศ โดยปัจจุบันมีผู้สูงอายุประมาณ 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้ม ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่จำนวนเด็กเกิดใหม่ก็น้อยลงทุกขณะ โดยในปี 2567 มีเด็กเกิดใหม่ไม่ถึง 5 แสนคน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ความท้าทายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน รวมถึงระบบสุขภาพของประเทศ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข จึงให้ความสำคัญกับ การดูแลประชาชนทุกช่วงวัย เพราะเราตระหนักดีกว่า คน คือ ทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ตนจึงมีความยินดีที่ได้มาเปิดงาน Thailand Healthcare 2025 A Better Life : สร้างสุขทุกช่วงวัย ซึ่งธีมงานในปีนี้ ตรงกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่มุ่งมั่นดูแลสุขภาพของประชาชน ตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน และผู้สูงอายุ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วัยเด็ก และวัยเรียน เป็นช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนา เป็นรากฐานของการเติบโต ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม กระทรวงสาธารณสุข จึงให้ความสำคัญ ในการดูแลสุขภาพของแม่และเด็ก เช่น การจัดตั้งคลินิกส่งเสริมการมีบุตร การส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสม แก้ไขปัญหาเตี้ย ผอม อ้วน ในเด็ก การฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้แก่เด็กนักเรียนหญิง เป็นต้น ส่วนวัยรุ่น และวัยทำงาน เป็นวัยที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบมากขึ้น ต้องเผชิญกับความเร่งรีบ กดดัน ทำให้มีวิถีชีวิตไม่เหมาะสม มีความเครียดและปัญหาสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เช่น โรคเบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด รวมถึงสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี ได้ผลักดันให้สุขภาพจิตที่ดีเป็นวาระแห่งชาติ กำหนดให้เดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นเดือนแห่งสุขภาพใจ และตั้งเป้าหมายจัดตั้งศูนย์ให้การปรึกษาสุขภาพจิต 340 แห่ง ภายในปีนี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับการปรึกษาและดูแล ก่อนที่จะเจ็บป่วยทางใจ

“นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข มุ่งเน้นที่จะทำให้คนไทยห่างไกล NCDs ส่งเสริมการนำแนวคิดเวชศาสตร์วิถีชีวิตมาสู่การปฏิบัติ ซึ่งมีประชาชนได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการดูแลสุขภาพ ไปแล้วกว่า 33 ล้านคน และจากผลการดำเนินงานคลินิก NCDs รักษาหาย พบว่า จากผู้ป่วยที่เข้ารับการอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประมาณ 120,000 คน มีผู้ที่หายป่วยแล้ว ประมาณ 17,000 คน หยุดยาได้ กว่า 8,500 คน ลดค่าใช้จ่ายได้ ประมาณ 450 ล้านบาทต่อปี สำหรับวัยสูงอายุ เป็นช่วงที่ต้องการการดูแลและฟื้นฟู ทั้งร่างกายและจิตใจเป็นพิเศษ นอกจากโรค NCDs ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุแล้ว ยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพอื่นๆ เช่น การมองเห็น สุขภาพช่องปาก การเคลื่อนไหว ปัญหาด้านความคิด ความจำ กระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบาย ที่จะพัฒนาระบบดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาวในชุมชน โดยตั้งเป้าหมายให้มีผู้ช่วยเหลือดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง ที่มีคุณภาพและได้รับค่าตอบแทนตามมาตรฐาน อย่างน้อย 15,000 คน ในช่วงปี 2568 - 2570 และจัดตั้งสถานชีวาภิบาล ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง เพื่อให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ“ รมว.สาธารณสุข กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดให้มีโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข โดยจัดให้มีคลินิกเฉพาะทางด้านต่างๆ ไปให้บริการพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ เช่น คลินิกโรคอ้วน โรค NCDs ชะลอไตเสื่อม ต้อกระจกและจอประสาทตา ตรวจการได้ยิน ฉีดวัคซีน HPV ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สร้างความรอบรู้การใช้ยาสมุนไพร รวมถึงการนวดไทย เป็นต้น ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นทุกเขตสุขภาพ ดำเนินการไปแล้ว 32 จังหวัด ทั่วประเทศ มีผู้เข้ารับบริการแล้ว กว่า 17 ล้านคน โดยตนมีความยินดีที่หน่วยงานระดับกรม และโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน ตลอด 4 วันของการจัดงานในครั้งนี้ ผ่านกิจกรรมการตรวจสุขภาพเชิงรุก ให้ความรู้จากการเสวนาการแสดงศักยภาพของระบบสาธารณสุขของประเทศในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน