ทบ. เร่งอพยพประชาชนแนวชายแดน 14 อำเภอ ตั้งโรงครัวพระราชทาน 6 จุด

ภาพประกอบ บ้านเรือนประชาชนเสียหาย อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

กองทัพบก ประสานส่วนราชการเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่การสู้รบตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 14 อำเภอ 4 จังหวัด รวมกว่า 6 หมื่นคน พบเสียชีวิตรวมถึงวันนี้ 16 ราย เจ็บ 29 คน ตั้งโรงครัวพระราชทาน 6 จุด

25 กรกฎาคม 2568 - ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.ต.หญิง จุฑาพัชร เปรมบัญญัติ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่การสู้รบ ตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา หลังจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธหนักยิงโจมตีเข้ามาในเขตพื้นที่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อเช้าวานนี้ (24 ก.ค.68) ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่รวม 14 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อ.บ้านกรวด, จ.สุรินทร์ อ.กาบเชิง, อ.พนมดงรัก, อ.สังขะ, อ.บัวเชด, อ.ปราสาท และ อ.เมืองสุรินทร์, จ.ศรีสะเกษ อ.กันทรลักษ์, อ.เบญจลักษ์, อ.ศรีรัตนะ, อ.พยุห์, อ.กันทรารมย์ และ อ.เมืองศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี อ.เดชอุดม ได้รับผลกระทบจากอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชาที่ยิงเข้ามาในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน , โรงพยาบาล และสถานที่พลเรือน อย่างไร้มนุษยธรรม

จากการตรวจสอบเบื้องต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.ค.68) พบว่ามีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 29 คน และเสียชีวิต 16 ราย เป็นเหตุให้ต้องมีการอพยพประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน

ปัจจุบันกองทัพบก โดย กองกำลังสุรนารี, มณฑลทหารบกที่ 22, มณฑลทหารบกที่ 25 และมณฑลทหารบกที่ 26 ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายปกครอง และผู้นำชุมชนในพื้นที่เร่งดำเนินการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน โดยมีจำนวนผู้อพยพรวมทั้งสิ้น 63,446 คน (จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4,813 คน, จ.สุรินทร์ จำนวน 21,646 คน, จ.ศรีสะเกษ จำนวน 26,511 คน และ จ.อุบลราชธานี จำนวน 10,476 คน)

พร้อมกันนี้ กองทัพบกได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน 6 จุด และจัดรถครัวสนามกองทัพบกจำนวน 2 คัน ประกอบอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่รวบรวมพลเรือนอีกด้วย

ขณะเดียวกัน มณฑลทหารบกที่ 22 ยังได้ร่วมกับปกครองจังหวัดอุบลราชธานี จัดชุดอาสารักษาดินแดนออกลาดตระเวนเพื่อดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ผู้อพยพคลายกังวลในเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินส่วนบุคคล

ทั้งนี้ กองทัพบกขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทำการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน ซึ่งกองทัพบกพร้อมปกป้องอธิปไตยและประชาชนให้ปลอดภัยจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชาอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา

เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121 ล้าน สร้างรั้วชายแดน บังเกอร์ หลุมหลบภัย ถนนตรวจการณ์

ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิง

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่