ยืนยันไทยใช้หลักฐานสู้ด้วยความจริงในเวทีสหประชาชาติ กัมพูชายิงก่อนไร้มนุษยธรรม

รัฐบาล ยืนยัน ไทยใช้หลักฐานสู้ด้วยความจริงในเวทีสหประชาชาติ เผยแพร่ข้อเท็จจริงกรณีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ย้ำจุดยืนสันติภาพภายใต้หลักกฎหมายสากล

25 กรกฎาคม 2568 - เมื่อเวลา 14.45 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก (Permanent Mission of Thailand to the United Nations) ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาได้เลือกใช้กำลังทางทหารก่อนและยังเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมเป็นเครื่องมือในการจัดการกับข้อพิพาท ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีของรัฐภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ ทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายหลักการพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในภูมิภาค ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงและเสถียรภาพในอาเซียน

นายจิรายุ กล่าวว่า โดยล่าสุด คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาไปยังคณะผู้แทนถาวรและคณะผู้สังเกตการณ์ถาวรประจำสหประชาชาติในนครนิวยอร์กทั้งหมด (Permanent Missions and Permanent Observer Missions to the United Nations in New York) ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. ชี้แจงเหตุทุ่นระเบิด เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 ขณะทหารไทยลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนไทย ได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ทำให้ทหาร 2 นายพิการถาวร และอีกหลายรายบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ บ่งชี้ว่าถูกวางไม่นาน
ประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดตั้งแต่ปี 2546 และเลิกใช้เพื่อฝึกอบรมในปี 2562 ขณะที่รายงานของกัมพูชาระบุว่ายังคงครอบครองทุ่นระเบิดชนิดนี้อยู่
 
2. ชี้แจงเหตุโจมตีทางทหาร เมื่อ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.20 น. ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ และขยายการโจมตีใน 4 จังหวัดชายแดน คือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 24 ราย (อาการสาหัส 8 ราย) และมีผู้ต้องอพยพกว่า 102,000 คน ซึ่งการโจมตีแบบไม่เลือกเป้า สร้างความเสียหายแก่พลเรือน โรงพยาบาล และโรงเรียน ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
 
3. กัมพูชาละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดมาตรา 2(4) แห่งกฎบัตรสหประชาชาติอย่างชัดเจน ไทยพยายามอดกลั้นอย่างถึงที่สุด แต่จำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 โดยการตอบโต้ของไทยมีขอบเขตจำกัด และมุ่งเฉพาะภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
 
4. กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ไทยประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีพลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งละเมิดอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 และ 4 ถือเป็นการกระทำไร้มนุษยธรรม ที่ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้บริสุทธิ์
 
5. ไทยยึดมั่นสันติวิธี ยืนยันไม่ใช้กำลังในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดยิงทันที กลับเข้าสู่การเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งกำหนดการประชุมช่วงต้นเดือนกันยายน 2568
 
“รัฐบาลไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงสนับสนุนความพยายามของประเทศไทยในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งแม้ในขณะที่ประเทศไทยได้แสดงวุฒิภาวะของประเทศที่ยึดมั่นตามหลักกฎหมายและความรับผิดชอบ ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกแนวทางที่บ่อนทำลายเสถียรภาพของภูมิภาค โดยเฉพาะการคร่าชีวิตพลเมืองผู้บริสุทธิ์ และทำลายความไว้วางใจจากนานาชาติ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ห่างไกลจากหลักการแห่งสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา

เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่