กสม. ชี้เหมืองแร่นครสวรรค์กระทบชุมชน สั่งผู้ขอประทานบัตร จัดเวที EIA ใหม่ให้โปร่งใส

“กสม." ชี้เหมืองแร่นครสวรรค์กระทบชุมชน สั่งผู้ขอประทานบัตร จัดรับฟังความเห็น EIA ใหม่ เน้นโปร่งใส-ให้ชุมชนมีส่วนร่วมเต็มที่ หลังพบละเมิดสิทธิมนุษยชนจากเหตุวุ่นวายปิดกั้นประชาชน แนะรัฐตรวจมลพิษฝุ่น พร้อมเพิ่มมาตรการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

8 สิงหาคม 2568 - นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มประชาชน “รักเขากะลา สำนึกรักบ้านเกิด” เมื่อเดือนธ.ค. 2566 เกี่ยวกับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างของบริษัทเอกชน 3 แห่ง (ผู้ถูกร้องที่ 2, 3 และ 4) ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ตำบลพระนอน อำเภอเมืองนครสวรรค์, หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 11 ตำบลเขากะลา อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แหล่งน้ำธรรมชาติ พื้นที่ป่าไม้ วิถีชีวิต และสุขภาพของประชาชนจากฝุ่นละอองและเสียงดังจากการระเบิดหิน

นอกจากนี้ ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคำขอประทานบัตรของบริษัทเอกชนอีกแห่ง (ผู้ถูกร้องที่ 5) ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ตำบลพระนอน และหมู่ที่ 5 ตำบลเขากะลา ซึ่งบางส่วนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถตั้งโรงงานอุตสาหกรรมได้ รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นเพื่อจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการจัดรับฟังความคิดเห็นของชุมชนโดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ (ผู้ถูกร้องที่ 1) ที่ถูกระบุว่าไม่โปร่งใสและกีดกันประชาชนจากการเข้าร่วม

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง กสม. พบว่า บริษัทเอกชนผู้ถูกร้องที่ 2 และ 3 ประกอบกิจการเหมืองแร่ในพื้นที่ป่าไม้ตั้งแต่ปี 2543-2563 และต่อมาได้ยื่นขอประทานบัตรทับพื้นที่เดิม ส่วนผู้ถูกร้องที่ 4 ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับผู้ถูกร้องที่ 3 ทำเหมืองในที่ดินของตนเอง โดยทั้งสามบริษัทใช้การทำเหมืองแบบเปิดในลักษณะขั้นบันได ใช้วัตถุระเบิดโดยไม่ใช้สารเคมี และใช้น้ำฉีดพรมเพื่อลดฝุ่นละออง ซึ่งหากขาดการควบคุมอย่างเพียงพออาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกร้องที่ 2-4 ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และผลการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่พบความผิดปกติของจำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจในพื้นที่ ส่วนปัญหาน้ำบาดาลลดลงเกิดจากการขยายตัวของชุมชนและภัยแล้ง ทำให้ประชาชนต้องเจาะบ่อน้ำบาดาลเพิ่มเติม

ดังนั้น ในชั้นนี้ยังไม่อาจสรุปว่ากิจการเหมืองแร่ของผู้ถูกร้องที่ 2-4 ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต หรือสุขภาพประชาชนอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม กสม. ระบุว่า ผลกระทบจากมลพิษ เช่น ฝุ่นละออง เสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้บ้านเรือนแตกร้าว อาจใช้เวลานานกว่าจะปรากฏอาการสำคัญ จึงแนะนำให้หน่วยงานรัฐค้นหาแหล่งกำเนิดมลพิษและวางแผนติดตามผลกระทบในระยะยาว รวมถึงเก็บข้อมูลสุขภาพประชาชนเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการชดเชยในอนาคต

สำหรับคำขอประทานบัตรของผู้ถูกร้องที่ 5 ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ตำบลพระนอน และหมู่ที่ 5 ตำบลเขากะลา ซึ่งถูกระบุว่าอยู่ในพื้นที่ไม่เหมาะสม กสม. พบว่าที่ดินบางส่วนเป็นที่ดินประเภทชุมชน (สีชมพู) ซึ่งห้ามใช้เพื่อโรงงานทุกประเภทตามกฎหมายผังเมืองรวมจังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. 2558 ยกเว้นโรงงานบางประเภทตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ส่วนที่ดินบางส่วนเป็นประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (สีม่วง) ซึ่งสามารถตั้งโรงงานโม่ บด หรือย่อยหินได้

อย่างไรก็ตาม กฎหมายผังเมืองไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ และผู้ถูกร้องที่ 5 ยังไม่ได้ยื่นขอใบอนุญาตตั้งโรงงานในพื้นที่ดังกล่าว จึงยังไม่อาจสรุปว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเด็นนี้

ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนโดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ (ผู้ถูกร้องที่ 1) เพื่อพิจารณาคำขอประทานบัตรของผู้ถูกร้องที่ 5 พบว่าได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำเหมือง ขอบเขตพื้นที่ ผลประโยชน์ และผลกระทบ รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น จึงยังไม่อาจสรุปว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ละเมิดสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม การรับฟังความคิดเห็นเพื่อจัดทำรายงาน EIA ของผู้ถูกร้องที่ 5 ในการประชุมครั้งที่ 2 เดิมกำหนดจัดในเดือนต.ค.2566 ที่พื้นที่ของทหาร ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนที่ได้รับผลกระทบ 20 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่สะดวกและรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงยกเลิกและจัดใหม่เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2567 ที่วัดธารลำไย ตำบลเขากะลา แต่การประชุมครั้งนี้เกิดเหตุวุ่นวายจากการปิดกั้นสถานที่และขัดขวางประชาชนที่เห็นต่าง ส่งผลให้เกิดการปะทะและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

แม้ว่าผู้ถูกร้องที่ 5 จะพยายามควบคุมสถานการณ์ แต่การจัดรับฟังความคิดเห็นควรคำนึงถึงสิทธิของชุมชนในการมีส่วนร่วมอย่างรอบด้าน ดังนั้น กสม. รับฟังได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 5 มีการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเด็นนี้

ด้วยเหตุนี้ กสม. ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2568 มีมติให้ข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1.ต่อผู้ถูกร้องที่ 5 จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อจัดทำรายงาน EIA ครั้งที่ 2 ใหม่ โดยให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง เป็นอิสระ เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นหลากหลาย และรับฟังข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ ป่าไม้ วิถีชีวิต และสุขภาพ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา

2.ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้จังหวัดนครสวรรค์ สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 5 (พิษณุโลก) และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 4 (นครสวรรค์) ตรวจสอบแหล่งกำเนิดมลพิษจากฝุ่นละออง เสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือน รวมถึงสาเหตุบ้านเรือนแตกร้าว โดยประสานภาคประชาสังคมและตัวแทนประชาชน อีกทั้งให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ศึกษาศักยภาพการรองรับมลพิษในพื้นที่ และพิจารณาการอนุญาตประทานบัตรของผู้ถูกร้องที่ 5 โดยคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน เนื่องจากพื้นที่ติดป่าชุมชนและสุสาน

นอกจากนี้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดนครสวรรค์ ติดตามข้อมูลสุขภาพประชาชนในพื้นที่รอบเหมืองเป็นระยะยาวอย่างน้อย 10 ปี เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการเยียวยา

ให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครสวรรค์กำกับดูแลผู้ถูกร้องที่ 2-4 แก้ไขปัญหาฝุ่นละออง โดยเพิ่มการปลูกต้นไม้ ทำโรงโม่ระบบปิด เพิ่มระบบสเปรย์น้ำ และขยายพื้นที่กันชน และให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ส่งเสริมให้ผู้ถูกร้องที่ 2-5 นำหลักการ UNGPs และการตรวจสอบความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (HRDD) มาใช้

อีกทั้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลพระนอนประสานสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) หาแหล่งน้ำบาดาลเพิ่มเติม และตรวจวัดค่าความกระด้างของน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กสม. มีมติสอบ 'คุก VIP' ส่อละเมิดสิทธิ เรียกหน่วยเกี่ยวข้องแจง

'กสม.' มีมติตรวจสอบ กรณีพบห้องวีไอพีของผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่อเลือกปฏิบัติละเมิดสิทธิ จ่อเชิญหน่วยเกี่ยวข้องให้ข้อมูล

กสม. บี้กลาโหม เลิกทำบัญชีดำ-ไอโอคนเห็นต่าง ชี้ละเมิดสิทธิ

กสม. ตรวจสอบปมหน่วยมั่นคง จัดทำบัญชีกลุ่มเป้าหมายบุคคลและองค์กรเฝ้าระวัง พร้อมใช้ IO โจมตี ชี้ละเมิดสิทธิ มีมติให้กลาโหมยกเลิก

กรรมการสิทธิฯ ออกแถลงการณ์ กังวล 'สว.อังคณา' ถูกข่มขู่คุกคามเพราะความเห็นต่าง

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง ขอให้ทุกฝ่ายเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และไม่ยอมรับการสร้างความเกลียดชัง โดยมีรายละเอียดดังนี้

‘พรบ.ชาติพันธุ์’ พลิกเกมจากรับสู่รุก ชู ‘บ้านมั่นคง’ เป็นเครื่องมือสร้างถิ่นฐานที่มั่นคง-มีศักดิ์ศรี

พอช. เปิดเวที ‘พรบ.ชาติพันธุ์’ ชู ‘บ้านมั่นคง’ เป็นเครื่องมือสำคัญ ตั้งเป้าสร้างถิ่นฐานที่เข้มแข็ง-มีศักดิ์ศรี ดันนโยบายปฏิรูปประเทศจากฐานราก ร่วมมือกับ ‘กสม.’ และภาคีพัฒนา พร้อมแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้า

นักศึกษานิเทศศาสตร์ ม.รังสิต คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เวทีประกวดคลิปสั้นสิทธิมนุษยชน

ผลงานคลิปสั้น “A life before dawn – ชีวิตก่อนฟ้าสาง” จากทีม DCC มาเยือน นักศึกษาสาขาวิชาการสร้างสรรค์คอนเทนต์ดิจิทัล วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คว้ารางวัล รองชนะเลิศอันดับ 2 จากการประกวดคลิปสั้นหัวข้อสิทธิมนุษยชน พื้นที่ภาคกลาง จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พร้อมรับทุนรางวัล จำนวน 10,000 บาท