คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา 'อดีตผู้การหนองคาย' ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

ศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 4 พิพากษา คุก อดีตผู้บังคับการหนองคาย 2 ปี ไม่รอลงอาญา จากกรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและใช้เอกสารเท็จ

20 กันยายน 2568 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 169/2567 ระหว่างนายดำรงค์ สงค์ประเสริฐ และ พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ จำเลย ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมในศาล

ศาลพิพากษาว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายโดยได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคาย ที่ 5/2565 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2565 มีวาระการดำรงตำแหน่ง ๒ ปี จำเลยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภธรจังหวัดหนองคายและเป็นรองประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคายคนที่ 1 โดยตำแหน่งตามระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ. 2549

มีอำนาจหน้าที่ร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคายโดยตำแหน่งคนอื่นในการพิจารณาสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเสนอประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคายเพื่อมีคำสั่งแต่งตั้ง จำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้โจทก์หรือผู้ใดได้รับความเสียหาย

ด้วยการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อสรรหาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคาย ที่ 1/2567 ให้มีอำนาจและหน้าที่พิจารณาสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อแต่งตั้งในคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคาย 10 คน

โดยอ้างว่า กรรมการเดิมพ้นจากตำแหน่งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 จงใจไม่อ้างถึงคำสังคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคาย ที่ 5/2565 ซึ่งแต่งตั้งโจทก์เป็นกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคายเพื่อไม่ให้คณะอนุกรรมการเพื่อสรรหาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคายทราบว่าโจทก์ยังไม่พ้นวาระการดำรงตำแหน่ง ทั้งที่โจทก์ยังคงมีวาระการดำรงตำแหน่งจนถึง วันที่ 17 สิงหาคม 2567

ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 จำเลยทำบันทึกข้อความถึงผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคาย พร้อมแนบร่างคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามกาบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคาย ที่ 2/2567 เรื่อง แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคาย อ้างว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและประชาชนครบวาระการดำรดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 จึงมีการประชุมเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 คัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและประชาชนเรียบร้อยแล้วเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายพิจารณาลงนามในร่างคำสั่งดังกล่าว

เป็นเหตุให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ จำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์พ้นจากการดำรงตำแหน่งเนื่องจากไม่พอใจที่โจทก์พูดคุยกับจำเลยเรื่องมีการกล่าวอ้างว่าจำเลยเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงิน และกีดกันไม่ให้โจทก์เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดหนองคายตามที่โจทก์มีอำนาจหน้าที่ ทำให้โจทก์เสียหาย

ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์มีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา

ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยโดยตลอดแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง จึงมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 กระทำของจำเลยกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ลงโทษจำคุก 2 ปี

พิเคราะห์แล้วเห็นว่าความขัดแย้งระหว่างโจทก์จำเลยเกิดจากมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบของบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยแทนที่จำเลยจะแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนกลับใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้งโจทก์ไม่ให้โจทก์ทำหน้าที่ตรวจสอบ

เมื่อถูกฟ้องคดีต่อศาลและศาลมีหมายเรียกเอกสารมาเพื่อทำการไต่สวนให้ได้ความจริงก็ทำการปลอมแปลงเอกสารราชการเสนอต่อศาลเพื่อให้ตนเองพ้นผิด เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชารู้เห็นความไม่ถูกต้องไม่ยอมทำตามคำสั่งที่มิชอบ จำเลยกลับหาทางกลั่นแกล้งและเล่นงานทุกวิถีทางทั้งทางวินัยและทางอาญา แม้กระทั่งพยานที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาศาลตามหมายเรียกจำเลยก็ทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของบุคคลเหล่านั้นว่าไม่มีหน้าที่และไม่ได้รายงานผู้บังคับบัญชาในการมาเบิกความต่อศาลทำให้ผู้บังคับบัญชาให้พยานที่มาศาลตามหมายเรียกชี้แจงภายใน 15 วัน ทั้งที่พยานดังกล่าวมาทำหน้าที่ตามหมายเรียกของศาลที่มีอำนาจพิจารณาตามกฎหมาย แสดงว่าจำเลยไม่เคยสำนึกถึงการกระทำของตนเองจึงไม่สมควรรอการลงโทษจำเลย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จำคุก 2 ปี อัยการเรียกเงิน 5 แสน แลกวิ่งคดีช่วยชาวจีน

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีว่าที่ร้อยตรี อภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (ยานนาวา) และ นางสาวธัญญา เต็มชำนาญ จำเลยที่ 1-2 

คุก 6 ปี อดีตนายก อบต. กับเมีย ซี 8 ฮั้วจัดซื้อรถดับเพลิง เอกชน 3 รายโดน 4 ปี

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท.129/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อท.108/2568 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ ฟ้อง นายภัทรพล จำปารัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

คุก 5 ปี! นายกเทศมนตรี เอาเครื่องสูบน้ำ-ตัดหญ้าไปใช้ในสวนมะกรูดส่วนตัว อ้างเปิดดูงานฟรี

เชือดให้ดูเป็นตัวอย่าง ศาลอาญาคดีทุจริตภ.1 สั่งคุก 5 ปี นายกเทศมนตรีทุจริตฯใช้ลูกจ้างเทศบาลเอาเครื่องสูบน้ำ-ตัดหญ้า ไปใช้ในสวนมะกรูดส่วนตัว เจ้าตัวอ้างเปิดดูงานฟรี เเต่ศาลมองใช้ประโยชน์เป็นฐานเสียงการเมือง

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ รับฟ้อง 4 อดีต ป.ป.ช. เป็นจำเลย ไม่เปิดเผยข้อมูลคดีนาฬิกาบิ๊กป้อม

งานเข้า ศาลอาญาคดีทุจริตฯรับฟ้อง 4 อดีต ปปช. "วัชรพล-สุภา-วิทยา-ณัฐจักร" ตกเป็นจำเลยคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบขัดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลคดีนาฬิกาบิ๊กป้อม