ผู้ช่วยเลขา ป.ป.ช. ยืนยันพร้อมตรวจสอบ-ขยายผล "กลุ่มคนนอก" ในคดีคุกวีไอพีจีนเทา มีพฤติการณ์สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดหรือไม่ หลัง "ดีเอสไอ" สรุปสำนวนสืบสวนส่ง ป.ป.ช. เชือดก่อน 2 ราย อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ - เลขา ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระบุ อำนาจของ ป.ป.ช. สามารถเรียกไต่สวนพยานเพิ่มเติม เรียกพยานหลักฐานได้ด้วยตนเอง ชี้ ป.ป.ช. มีกรอบเวลา 30 วัน พิจารณาสำนวน ก่อนมีมติส่งอัยการสูงสุด ฟ้องศาลคดีทุจริตฯ
16 ธันวาคม 2568 - ภายหลังจากที่นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. เดินทางเข้าพบนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารกระทรวงยุติธรรม เพื่อหารือและติดตามความคืบหน้าคดีสืบสวนคุกวีไอพี (VIP) ที่มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการทุจริต โดยใช้เวลาประชุมหารือราว 1 ชม.
ที่กระทรวงยุติธรรม นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ ป.ป.ช. ให้มาติดตามความคืบหน้าและประสานงานกับกระทรวงยุติธรรม ในส่วนของความคืบหน้าคดีสืบสวนขบวนการทุจริตในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ต้องขังจีนเทา โดยที่ผ่านมา วันที่ 28 พ.ย. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้ลงพื้นที่ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบสถานที่จุดเกิดเหตุและรวบรวมข้อเท็จจริง รวบรวมพยาน จึงทำให้ในวันนี้ต้องมาสอบถามความคืบหน้ากับปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา หน่วยงานภายใต้สังกัด โดยเฉพาะเรื่องการสอบสวนวินัยของข้าราชการที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนประเด็นเรื่องการสอบสวนทางอาญา จะเป็นในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ ซึ่งล่าสุดตนได้รับรายงานว่าคณะพนักงานสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการสรุปสำนวนการสืบสวนนำส่งให้แก่ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. เรียบร้อยแล้ว
หลังจากนี้ ป.ป.ช. จะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลที่ดีเอสไอทำการสอบสวนมา ไม่ว่าจะเป็นการสอบสวนปากคำพยาน พฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง และพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน เพื่อที่ ป.ป.ช. จะได้รับไปดำเนินการสืบสวนต่อไป ไม่เพียงแต่ฐานความผิดอื่นเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงผู้ที่ถูกกล่าวหารายอื่นเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ ในที่ประชุม เรายังได้หารือเรื่องการคุ้มครองพยานสำหรับผู้แจ้งเบาะแสในคดีอาญา และกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-Slapp Law) ว่าทาง ป.ป.ช. และกระทรวงยุติธรรม จะมีความร่วมมือคุ้มครองพยานในคดีอาญากันอย่างไรบ้าง เพื่อที่ให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพต่อไป
นายพัฒนพงศ์ กล่าวอีกว่า เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้มีการแจ้งว่า ยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องวินัยของข้าราชการที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ซึ่งทางเราได้แจ้งว่า หากทางกระทรวงยุติธรรมดำเนินการพิจารณาเรื่องวินัยของข้าราชการที่ไปเกี่ยวข้องกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเสร็จสิ้นอย่างไร ทาง ป.ป.ช ขอข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการสืบสวนไต่สวนในส่วนของกฎหมาย ป.ป.ช. ต่อไปด้วย
นายพัฒนพงศ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรอบเวลาที่ ป.ป.ช. ต้องดำเนินการตามขั้นตอนภายหลังรับสำนวนการสืบสวนจากดีเอสไอนั้น ด้วยความที่สำนวนการสืบสวนของดีเอสไอที่ได้ดำเนินการไว้ค่อนข้างมีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดในเรื่องของการตรวจค้นจู่โจมเมื่อวันที่ 16 พ.ย.68 ซึ่งนำทีมโดยผู้บริหารของกรมราชทัณฑ์ และยังรวมถึงในส่วนของ ป.ป.ช. เอง ที่ได้ไปตรวจสถานที่จริงเมื่อวันที่ 28 พ.ย.68
ดังนั้น ขั้นตอนต่อไป เมื่อเราตรวจสำนวนของดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว เราก็จะมีการเสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. และจึงจะมีความเห็นว่าในคดีการสืบสวนดังกล่าว ป.ป.ช. จะรับไว้ตรวจสอบไต่สวนเองหรือไม่ แจ้งข้อกล่าวหาเองหรือไม่ หรือจะส่งกลับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะหากเรื่องใดที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไปมีส่วนเกี่ยว ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. เราสามารถจะรับไว้ทำเองต่อไป หรือส่งสำนวนดังกล่าวกลับหน่วยงานต้นเรื่องให้รับไปดำเนินการก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
นายพัฒนพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า ป.ป.ช. มีการเร่งรัดให้ดีเอสไอรีบสรุปสำนวนการสืบสวนส่งให้แก่ ป.ป.ช. ทั้งที่เนื้อหาภายในยังคงมีบุคคลอื่นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกมากนั้น อาจทำให้สำนวนการสืบสวนดังกล่าวไม่สมบูรณ์หรือไม่ ตนขอเรียนว่า ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. ได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนหรือหน่วยงานต้นเรื่อง จะต้องส่งสำนวนให้แก่ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน หากเรื่องดังกล่าวพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด จึงยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเร่งรัดดีเอสไอให้รีบสรุปสำนวนแต่อย่างใด
ตามกรอบขั้นตอนแล้ว เมื่อเรารับสำนวนการสืบสวนมาจากดีเอสไอ เราก็ต้องไปดูเนื้อหารายละเอียดภายใน และการที่เราเป็นระบบไต่สวน หากเราเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ หรือมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ต้องการประเด็นเพิ่มเติม เราก็สามารถเรียกพยานบุคคลมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมได้ หรือเรียกพยานหลักฐานพยานเอกสารเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกัน ซึ่งมันเป็นอำนาจที่ ป.ป.ช. ดำเนินการได้อยู่แล้ว
ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้ดีเอสไอจะมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐเพียง 2 ราย มายัง ป.ป.ช. แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องตัดจบเท่านั้น เรายังสามารถไต่สวนเพิ่มเติมได้ ขยายผลเองได้ หากพบข้อเท็จจริงอันเป็นประจักษ์ว่ามีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมในการกระทำความผิดดังกล่าว ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นพลเรือนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ตาม ป.ป.ช. ยังสามารถเรียกบุคคลนั้น ๆ มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในภายหลังได้ด้วย
รวมไปถึงกรณีผู้หญิงชาวต่างชาติที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในสถานที่เกิดเหตุ แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรไทย แต่อำนาจการสืบสวนไต่สวนของ ป.ป.ช. จะต้องมีการยืนยันตัวบุคคล เพื่อเชิญมาสอบสวนปากคำ และเมื่อพบการกระทำความผิด ป.ป.ช. ก็จะต้องแจ้งดำเนินคดีเป็นผู้ต้องหาเช่นเดียวกัน โดยถ้าหากบุคคลใดก็ตามตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด เราก็จะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระยะเวลา 30 วันแล้วนั้น ตามขั้นตอนเราต้องสรุปสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ต่อไป
นายพัฒนพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่มีรายงานว่าดีเอสไอได้มีการดำเนินคดี ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ 2 ราย เนื่องด้วยพบพยานหลักฐานการปล่อยปละละเลย และยังตรวจพบคราบอสุจิในพื้นที่เกิดเหตุนั้น เรื่องดังกล่าว ปลัดกระทรวงยุติธรรมได้แจ้งว่ารายงานผลจากสถาบันนิติฉบับสมบูรณ์ ยังไม่ได้มีการรายงานกลับมายังกระทรวงยุติธรรมแต่อย่างใด แต่อย่างใดก็ดี เราจะกลับไปดูเนื้อหาภายในสำนวนการสืบสวนของดีเอสไอที่ได้ส่งให้ไว้แล้ว ว่ามีการระบุพฤติการณ์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ระบุถึงพยานหลักฐานอย่างไรบ้าง
นายพัฒนพงศ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ว่าสถานที่เกิดเหตุ เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ และไม่ใช่สถานที่สำหรับการเยี่ยมญาตินั้น หญิงชาวต่างชาติสองราย จะเข้าข่ายบุกรุกพื้นที่เรือนจำหรือไม่นั้น เรื่องนี้คงต้องไปดูรายละเอียดการสรุปสำนวนการสืบสวนของดีเอสไอก่อน เพื่อดูว่ามีการระบุพฤติการณ์บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ซึ่งเรายังสามารถไปดูความผิดที่เกี่ยวเนื่องได้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ฐานคดีทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น ตามที่ตนได้ยืนยันไปแล้วว่าอำนาจของ ป.ป.ช. สามารถไต่สวน เรียกหาพยานหลักฐาน เรียกสอบสวนปากคำบุคคลเพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง
นายพัฒนพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมไปยัง ป.ป.ช. ว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งนั้น ตนขออธิบายว่า วันนี้เรามาประสานกับกระทรวงยุติธรรมในเรื่องคดีการสืบสวนเรื่องเรือนจำฯ ซึ่งเป็นคนละกรณีกันกับที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องเรียนขอความเป็นธรรม แต่เราก็จะต้องไปดูรายละเอียดคำร้องของเขาก่อนว่า ร้องถึงผู้กระทำคือใครบ้าง ส่วนจะรวมเป็นเรื่องเดียวกันได้หรือไม่ อาจต้องไปดูในชั้นการไต่สวนว่าจะรวมหรือแยกเป็นคดีคนละคดีกันหรือไม่ อย่างไร เพราะตัวกฎหมายกำหนดว่าต้องพิจารณาเป็นรายคน ซึ่งก็คงต้องดูประกอบกันทั้งคำร้องของผู้ถูกกล่าวหาที่อ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง และในส่วนของคดีการสืบสวนที่ดีเอสไอดำเนินการไว้
ทั้งนี้ นายพัฒนพงศ์ ปิดท้ายว่า แม้ล่าสุดกระทรวงยุติธรรม จะมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จำนวน 6 คน ให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น แต่ในตอนนี้เรายังไม่สามารถระบุสรุปได้ว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 6 รายนี้ถือว่ามีความผิดหรือไม่ โดย ป.ป.ช. ต้องกลับไปตรวจสอบในรายละเอียดสำนวนของดีเอสไอ ก่อนที่มีการกล่าวหาดำเนินคดีมา 2 ราย เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาตรงนี้ รวมทั้งบุคคลอื่น ๆ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
ในส่วนของการดำเนินการทางวินัยกับอาญานั้น ป.ป.ช. สามารถทำคู่ขนานกันได้ โดยไม่ได้บอกว่าวินัยผิดแล้วอาญาจะต้องผิดไปด้วย แต่ถ้าเป็นการกระทำที่เป็นความผิดจริง เจ้าหน้าที่ของรัฐไปกระทำทุจริตหรือใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ป.ป.ช. ก็สามารถชี้มูลได้ทั้งทางอาญาและทางวินัยได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ประเด็นการกันพยานบุคคลไว้เป็นพยานในคดีนี้ ยังไม่มีปรากฏ แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมาย ป.ป.ช. มีบทบัญญัติว่าด้วยการการบุคคลไว้เป็นพยานอยู่แล้ว และมีป้องกันการฟ้องปิดปาก จึงขอความร่วมมือพยานที่มีข้อมูลหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องและมีข้อมูล ให้สามารถเข้าให้ข้อมูลกับเราได้ เราสามารถคุ้มครองพยานให้ท่านได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดีเอสไอ สรุปสำนวนคดีคุกวีไอพีจีนเทา ส่ง ป.ป.ช. เชือด ’ผบ.เรือนจำ’ ม.157 - ค้าประเวณี
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 พ.ย. เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีความมั่นคง คณะกรรมการตรวจสอบข้
ปปง.-ปปช. ลุยสอบจนท.รัฐ-นักการเมือง เอี่ยวสแกมเมอร์ โยงภาพ 'เบน สมิธ' ลงนาม MOU ดีอี-บ.สิงคโปร์
นักการเมืองไทย-เจ้าหน้าที่รัฐมีหนาว! ภาพคู่ "เบน สมิธ" พ่นพิษ หลัง ปปง. - ป.ป.ช. เดินหน้าลุยตรวจสอบเส้นทางเงิน-ธุรกรรม-โครงการโยง "เบน สมิธ และบริษัทฯ"
ป.ป.ช. ฟันจริยธรรมร้ายแรง 'จิรพงษ์' อดีต สส.เพื่อไทย
ป.ป.ช. ชี้มูล 'จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์' อดีต สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ผิดจริยธรรมร้ายแรง ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ตราด ส่งศาลฎีกาวินิจฉัย
ดีเอสไอ เรียกสอบปากคำ ทนายดังเมืองปากน้ำ ตัวกลางประสานคดีผู้ต้องหาชาวจีนเพียบ
"ดีเอสไอ" สอบปากคำมากกว่า 20 พยานคดีคุกวีไอพี พบข้อมูลเด็ด "ทนายชื่อดัง" เมืองปากน้ำ เอี่ยวทะเบียนเยี่ยมญาติผู้ต้องขังชาวจีนเพียบ ! ลักษณะคล้ายตัวกลางประสานงานเรื่องคดีความ และพบเส้นเงินรับโอนกันระหว่างทนายดัง-ผู้ต้องขังจีน และเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เเย้ม เร็ว ๆ นี้เตรียมสรุปสำนวนสืบสวนส่ง ป.ป.ช. ไต่สวนความผิดเจ้าหน้าที่รัฐ
ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ
"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย
ป.ป.ช. สอบคุกวีไอพี ไล่เช็กกล้อง-เส้นทางนำคนนอกเข้าเรือนจำ
ป.ป.ช.ลุยตรวจเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดปฏิบัติการเชิงรุกสอบสิทธิพิเศษ “ผู้ต้องขังจีนเทา” ไล่เช็กกล้อง-เส้นทางนำคนนอกเข้าเรือนจำ จ่อรายงานบอร์ดป.ป.ช.พิจารณาต่อ

