7 ก.ค.2565 - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค และนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามและประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 23 ของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ตามกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างน้อย ที่ให้ใช้สูตรการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบจัดสรรปันส่วนผสมโดยเอา 500 หาร
โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การคำนวณแบบนี้ถูกนำมาใช้เมื่อการเลือกตั้งปี 62 ระบบนี้เป็นสร้างให้เกิดภาพจริงทางการเมืองในปัจจุบันคือมีส.ส.ปัดเศษ มีรัฐบาลผสม 20 กว่าพรรค การทำงานในสภาไม่เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จนได้รับฉายาว่าเป็นสภาที่ขับเคลื่อนด้วยกล้วยหรือสภาแจกกล้วย ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐสภาได้ดำเนินการก่อนหน้านี้ในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) คือมีมติแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยเฉพาะระบบเลือกตั้งให้เป็นคู่ขนานเสียงข้างมาก คือ มีบัตร 2 ใบ ซึ่งถูกกำหนดไว้อย่างเรียบร้อยในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีนายกรัฐมนตรีลงนามส่งผ่านมายังสภา ซึ่งสภาพิจารณารับหลักการวาระแรกจนเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกมธ.
แต่เมื่อผ่านชั้นกมธ. ก่อนเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ยังมีมติเห็นชอบตามที่กมธ.พิจารณา คือไม่มีการแก้ไข แต่ปรากฎว่าเมื่อเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ได้เกิดปรากฏการณ์เป็นกระแสรายงานข่าวจากสื่อมวลชนว่า มีการสั่งการจากทำเนียบรัฐบาล ให้หาร 500 ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ แต่ทุกอย่างได้แปรเปลี่ยน พิสูจน์ได้จากการลงมติวานนี้ (6 ก.ค.)
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบบคู่ขนานเสียงข้างมาก จะถูกแก้เป็นจัดสรรปันส่วนผสมแบบบัตร2 ใบ แน่นอนว่าขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ แต่คนมีอำนาจต้องการว่าจะเอาแบบนี้ เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อเป็นหลักประกันว่า 30 เสียง จากพรรคการเมืองกลุ่มหนึ่งจะช่วยโหวตให้ แต่พรรคการเมืองนี้จะได้ประโยชน์จากคะแนนจัดสรรโดยหาร 500 ถ้าเป็นแบบนั้นจริง จะเป็นความอัปยศที่สุดในรัฐสภาไทย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่มีการสั่งยกเลิกทำลายกฎหมายตัวเอง จึงเป็นการทำลายระบบรัฐสภาย่างอัปยศ ตนจึงขอประนามสิ่งที่เกิดขึ้น
“การทำให้ตัวเองอยู่รอดโดยหวังเพียงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ปรากฏการณ์แบบนี้มีมาตลอด เหมือนผู้มีอำนาจท่านนี้ถูกบีบคออยู่ตลอด ที่เมื่อพรรคร่วมต้องการอะไรถ้าขอแล้วไม่ให้จะถอนตัว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาวานนี้ (6 ก.ค.) ถือเป็นพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง มีผู้สั่งการ มีพรรคการเมืองที่รับคำสั่ง มีสมาชิกรัฐสภาที่รับคำสั่ง ซึ่งเราจะดำเนินการตามกฎมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งหลังจากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านวาระ 3 จะถูกส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา และกกต. ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังจะใช้กลไกผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วย” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย แต่ถ้าเห็นว่าเป็นการครอบงำที่เกิดจากบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการให้กระทำตามที่เขาต้องการ และพรรคการเมืองนั้นยินยอมให้ครอบงำ จะต้องยื่นกกต.ให้ตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่พรรคก้าวไกลโหวตไม่เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมากในการใช้สูตร 100 หาร เพื่อคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนเข้าใจต่อการโหวตของพรรคก้าวไกลในรอบแรก เพราะพรรคก้าวไกลมีคนเสนอการแก้ไขการแปรญัตติสูตรหาร 100 ในการคำนวณส.ส.บัญชีราชื่ออีกรูปแบบหนึ่ง จึงเกิดภาพอีหลักอีเหลื่อว่าจะโหวตไปทางใด แม้ว่าใจจะเอาหาร 100 แต่แตกต่างกันในวิธีคำนวณ เราเองก็ลำบากใจแทนพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า หากระบบเลือกตั้งเป็นเช่นนี้พรรคเพื่อไทยจะใช้วิธีแตกแบงค์พันหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราไม่แตกแบงค์พัน หากระบบเช่นนี้ผ่านจริง และใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสม พรรคเพื่อไทยไม่ได้กลัว เพราะมีหลายวิธีการ ซึ่งอาจจะมีอีกกลไกลคือมีพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งที่มุ่งรณรงค์เฉพาะบัญชีรายชื่อ แบบไม่สนใจเขต
"เช่น การตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทยส่งบุคคลที่เราต้องการใส่ในส.ส.บัญชีรายชื่อให้เต็ม แล้ววางกลไกการรณงค์หาเสียงให้เลือกส.ส.บัญชีรายชื่อย่างเดียว และให้มาเลือกส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยจะรณรงค์ให้เลือกเฉพาะส.ส.เขต เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน กลไกนี้อาจจะได้ผลที่เขาคิดไม่ถึงเกี่ยวกับการหาร 500"
ทั้งนี้ สิ่งที่เราคิดไว้ขึ้นอยู่กับการตอบรับของประชาชน ถ้าประชาชนบอกว่าดี ก็อาจจะเป็นไปได้ โดยเราจะนำผลโพลที่พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำมาเป็นอันดับหนึ่งมาร่วมประเมินการตัดสินใจด้วย แต่การประเมินเชิงลึกต้องประเมินเชิงพื้นที่ระดับเขต ว่าหากจะเอา 15 ล้านเสียง แต่ละเขตจะต้องได้ไม่ต่ำว่า 35,000 เสียง ถ้าทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยภายในพรรคยังไม่ได้คุยถึงกลไกลนี้อย่างเป็นทางการ ตนเล่าให้ฟังแบบเปิดไต๋เผื่อเขาจะกลับตัวทัน ส่วนบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยอาจจะต้องโอนมาอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยอาจจะเป็นพวกแถวสอง
เมื่อถามว่า สมาชิกพรรคในพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดสนับสนุนให้ตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส.ส.ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น ทั้งนี้หากนำผลการเลือกตั้งเมื่อปี 62 มาพิจารณา พรรคที่ได้ประโยชน์จากระบบการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นคือพรรคก้าวไกล ที่อาจจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเกิน 50 คน ส่วนความคาดหวังของพรรคเล็กที่จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อจากระบบนี้อาจจะไม่เป็นไปตามที่นึกไว้ก็ได้ เพราะจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อลดจาก 150 เหลือ 100 คนสุดท้ายต้องมีการทอนส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงให้เหลือ 100 คนเฉลี่ยจากทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่ว่าจะได้คะแนน 7 หมื่นเสียงแล้วจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ขณะที่ นายสุทิน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพิสูจน์แล้วว่า คนที่ทำความชั่วให้ระบอบประชาธิปไตยยังไม่หยุดยั้ง และไม่เหนือความคาดหมายว่าจะทำได้ขนาดนี้ ซึ่งตนเชื่อว่า จะทำความชั่วร้ายได้มากกว่านี้อีก จึงขอให้ประชาชนติดตามโดยเฉพาะการใช้ 500 หาร เป็นความเลวร้ายที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และเชื่อว่า จะมีการซ่อนกลไกร้ายทำความชั่วมากกว่านี้ พล.อ.ประยุทธ์มีความคิดวางกลเกมให้เจอทางตัน หากกฎหมายฉบับนี้เดินไปถึงทางตัน รัฐบาลก็จะกำหนดกติกากฏเกณฑ์ระบบการเลือกตั้งได้ ตนคิดว่าการหาร 500 เป็นชัยชนะที่น่าละอาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตา! 'นายกฯอิ๊งค์' ส่อประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊ง : ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
'เท้ง' ชี้กาสิโนจะเดินหน้าได้ ต้องชัดเจนเรื่องมาตรการป้องกันฟอกเงิน-ทุจริต
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วุฒิสภาตั้งคณะทำงานศึกษาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
'วิสุทธิ์' เชื่อนายกฯ อิ๊งค์บริหารความขัดแย้งได้
'วิสุทธิ์' ให้กำลังใจ 'นายกฯอิ๊งค์' เชื่อบริหารความขัดแย้งได้
รัฐบาลง่อนแง่น! หลังปีใหม่ไทยระอุ/ประชามติกาสิโนไม่คุ้ม
"ปธ.วิปรัฐบาล" ยันหลังเปิดสมัยประชุมยังไม่บรรจุร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ เข้าสภาทันที รอ ปชช.ส่วนใหญ่เห็นชอบก่อน ปัดทำประชามติ อ้างจ่าย 3 พันล้านไม่คุ้ม
'วิสุทธิ์' อ้างประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่แค่กาสิโน
นายวิสุทธิ์ ไชยรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล กล่าวว่า หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุให้ สส.ให้ช่วยกันทำความเข้าใจประชาชนเกี่ยวกับ
'พ่อนายกฯ' ไม่ให้ราคา 'ภูมิใจไทย' ท้าทายกระแสสังคม
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวเรื่อง "ทักษิณ หยาม ภูมิใจไทยคือภูมิใจไทย" โดยระบุว่า