
“แรมโบ้” อัด “นิด้าโพล” เป็นมือปืนรับจ้างหรือไม่ นั่งเทียนสำรวจมาหรือไม่ หรือทำเพื่อประโยชน์ของใครเพื่อประโยชน์ทางการเมืองตามใบสั่งใครมาหรือไม่ แนะหยุดทำให้ประชาชนสับสน เพราะผลสำรวจตรงข้ามกับสำนักซูเปอร์โพล อย่างสิ้นเชิงที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้นายกฯประยุทธ์ทำงานต่อเพราะเห็นผลงานชัดเจน
7 สิงหาคม 2565 – นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลสำรวจ นิด้าโพล เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “8 ปี นายกรัฐมนตรีกับอนาคตทางการเมืองของ 3 ป. พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 64.25 นายกฯ ควรประกาศว่า 8 ปี คือ อยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 24 สิงหาคม 2565 โดยนายเสกสกลระบุว่า การที่นายกฯจะอยู่กี่ปีนั้น หากมีคนไปยื่นก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมายรอผลวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะดีกว่าไหม นิด้าโพล ไม่ควรนำมาเป็นหัวข้อในการสำรวจของประชาชนเช่นนี้ เสมือนมีธงชี้นำ ไม่ควรทำตัวเหนือองค์กรอิสระ และไม่สมควรที่จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ข้อมูลที่สำรวจความเห็นนั่งเทียนทำหรือไม่ ชักน่าสงสัย มีผลออกมาขัดแย้งตรงกันข้ามกับผลสำรวจของ ดร.นพดล กรรณิการ์ จากสำนักซูเปอร์โพลตลอดมาที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้นายกฯประยุทธ์ อยู่บริหารประเทศต่อเพราะมีผลงานชัดเจน
นายเสกสกล ยังมองว่าการที่นิด้าโพล สำรวจความเห็นเช่นนี้ อยากที่จะโจมตีนายกฯ และใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองใช่ไหม อยากถามว่า นิด้าโพลทำแบบนี้เพื่ออะไรและทำเพื่อใครหรือไม่ หรือมีธงชักนำใครสั่งมา มีเป้าหมายทางการเมืองทำลายนายกฯอย่างนั้นใช่ไหม? “ตนเองว่า ที่ผ่านมา
นายกฯได้พยายามแก้ไขปัญหาบ้านเมือง พัฒนาประเทศหลายอย่าง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ในทุกๆด้าน ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความไว้วางใจ เพราะเห็นจากผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักชูเปอร์โพลของ ดร.นพดล กรรณิการ์ ประชาชนส่วนใหญ่ยังสนับสนุนให้นายกฯประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อมาเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่บริหารประเทศชาติต่อไป
“ตนเองมองว่าหากทำโพลเช่นนี้ ขอให้นิด้าโพล หยุดทำผลสำรวจโดยอ้างความเห็นประชาชนจะดีกว่า เพราะยิ่งจะทำประชาชนส่วนใหญ่เกิดความสับสนได้ และหากเป็นการทำโพลเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของใครหรือไม่นั้น ก็ยิ่งต้องหยุดทำ ไม่มีประโยชน์มีแต่จะทำให้เห็นว่า เป็นโพลที่มีอคติต่อนายกฯหรือไม่ ยิ่งทำให้นิด้าโพลไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะจากผลสำรวจข้อมูลอาจมาจากการไปสำรวจจากกลุ่มที่เป็นฝ่ายตรงข้ามและมีอคติต่อนายกฯและรัฐบาลมากกว่าแทนที่จะสอบถามความเห็นจากประชาชนทุกกลุ่มทุกวัยของประชาชนทั้งประเทศเหมือนของสำนักซูเปอร์โพล “
ตนจึงร้องขอพี่น้องประขาชนอย่าไปเชื่อถือ สำนักโพลใดก็ตามที่ นั่งเทียนสำรวจ นั่งทำโพลในห้องแอร์และมีอคติต่อนายกฯและรัฐบาล สำนักโพลประเภทนี้ รับจ้างมาสำรวจมาทำลายมากกว่า มีแต่ทำให้ประชาชนสับสนบ้านเมืองวุ่นวาย สำนักโพลไหนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ว่าเป็นสำนักไหนก็ตาม ที่ชอบทำโพลรับจ้างมาทำลายก็ควรหยุดเป็นมือปืนรับจ้าง เพราะเป็นบ่อนทำลายขวัญกำลังใจคนทำงานเพื่อประเทศชาติประชาชน ประชาชนจะไม่มีวันเชื่อถือถือสำนักโพลมือปืนรับจ้างอีกต่อไป” นายเสกสกล กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไทยภักดี' ไม่สนหลุดโพล! ลุยช่วยน้ำท่วม หาดใหญ่จบไปต่อปัตตานี
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เดินหน้าช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่แม้ไม่มีไทยภักดีในผลโพล
เทพไท ไม่แปลกใจ 'อภิสิทธิ์-ปชป.' ฉุดกระแสใต้คืนชีพ ห่วง สส.เขต โดนกระสุนดินดำเอาไปกิน
เทพไท ชี้ ผลการสำรวจของนิด้าโพล อาจวัดความนิยมของพรรคการเมือง และจะบ่งบอกถึงส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่สำหรับส.ส.ในระบบเขต ยังเชื่อว่าพรรคการเมืองที่มีทรัพยากรพร้อม มีกระสุนดินดำเป็นจำนวนมาก และยิงเข้าเป้า ก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง
มาร์คแรง!คนใต้กลับมาเชียร์
"นิด้าโพล" ชี้ "ประชาธิปัตย์" มาแรง สุดในภาคใต้ หนุน "อภิสิทธิ์" นั่งนายกฯ
ปชป. ขานรับกระแสดีภาคใต้ ลั่นพร้อมสร้างการเมืองสุจริต
“ประชาธิปัตย์” ขอขอบคุณ ความไว้วางใจที่คนไทยมอบให้ พร้อมสร้าง “การเมืองสุจริต” ทำงานด้วย “ความมืออาชีพ” ด้วยนโยบายที่ “ทำได้จริง” เปิดรับสมัคร สส. วันสุดท้ายของแคมเปญ “สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ”
นิด้าโพลชี้ ปชป. มาแรงในภาคใต้ คะแนนนิยม อภิสิทธิ์ นำ อนุทิน
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคใต้” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 - 24 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคใต้ (จำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี
เช็กกระแสภาคตะวันออก ‘เท้ง-ปชน.’ มีคะแนนนำเหนือคู่แข่ง
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคตะวันออก” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 13 - 18 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออก (จำนวน 8 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว


