"บิ๊กตู่" มอบนโยบายจัดทำงบฯปี 67 ย้ำพบทุจริตต้องเข้าสู่กระบวนการ ไม่มีข้อยกเว้น สั่งลุยปราบการใช้โซเชียลในทางไม่เกิดประโยชน์-หลอกลวง ขอทุกฝ่ายอย่าให้เกิดความแตกแยก-ความชิงชัง บอกแม้คำพูดไม่น่าฟังแต่ทั้งหมดมาจากใจ
12 ม.ค.2566 - เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องรอยัล จูบีลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมงาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการเฝ้าระวังอย่างจริงจังและเข้มงวด ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มีขั้นตอนในการดำเนินการทุกอย่าง อะไรก็ตามที่เป็นความผิดต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายทั้งสิ้น ไม่มีข้อยกเว้น และขึ้นอยู่กับหลายส่วนด้วยกันที่ต้องร่วมมือกัน ขอฝากไว้ด้วยในเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ ตนไม่เคยปล่อยปละละเลยใดๆทั้งสิ้น ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามความรับผิดชอบของทุกส่วนในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องมีความร่วมมือของประชาชนในการร่วมมือร้องทุกข์กล่าวโทษ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเว็บไซต์ "ภาษีไปไหน" ตนได้มีการสั่งการเพิ่มเติมว่า ให้รู้ว่าภาษีมาจากไหน ต้องรู้ว่าทุกอย่างมาอย่างไรไปอย่างไร ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า จัดสัดส่วนต่างๆได้เหมาะสมหรือไม่ จะได้รู้ได้เข้าใจกัน ส่วนการใช้จ่ายเงินจะใช้ ให้ใคร นั่นคือรายจ่ายต้องคำนึงถึงที่มาของรายได้ อยากบอกให้ทุกคนทราบว่ารัฐบาลเป็นห่วงเป็นใยทุกคนทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายทุกพวก แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้มาจากภาษีของประชาชน ในแต่ละประเภทให้เกิดความสมดุลเกิดความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากที่สุด รัฐบาลได้วางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่อนาคต และรัฐบาลต้องดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่มีรายได้น้อยว่าจะดูแลได้อย่างไรเพิ่มเติม แต่ต้องหาเงินก่อน และจะต้องทยอยดำเนินการ ในห้วงรัฐบาลที่อยู่มาก็พยายามทำอย่างเต็มที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้มีปัญหาอยู่มากในระบบออนไลน์นำไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์ ในทางหลอกลวง ตนได้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย แม้ว่าจะมากมายเพียงใดก็ตามก็ต้องดำเนินการ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ เกิดความเสียหายอย่างที่ทุกคนก็เห็นอยู่ เราจะต้องไม่ปล่อยปละละเลย หากเราไม่ช่วยกันก็แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง ต้องแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม ประชาชนมีส่วนร่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้เรื่องทั้งหมดที่มอบนโยบาย เป็นระดับรัฐบาล ระดับครม. ที่ต้องเรียบเรียง ซึ่งระดับปฏิบัติก็ต้องทำตามนี้ ไม่เช่นนั้นใช้อะไรก็ได้ จ่ายอะไรก็ไม่ได้ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งมันไม่ได้ เพราะอันตราย และยอมรับว่ามีปัญหาต่างๆอยู่บ้างก็ทำต่อก็แล้วกัน งบประมาณ 2567 ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับรัฐบาลต่อไปด้วย นี่คือหลักการของตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล เพราะฉะนั้นจะต้องไม่มีการทุจริต ถ้ามีก็ต้องถูกลงโทษเท่านั้นเอง ตนไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การเงินการคลังเราอยู่ในเกณฑ์ที่มีความมั่นคง งบประมาณได้รับการยอมรับ และมีการพัฒนาประเทศมากมายแม้จะมีผลกระทบการเปลี่ยนแปลงจากภายในและภายนอกประเทศ ทั้งโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ขณะความขัดแย้งปัญหาทางภูมิศาสตร์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน จึงจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณทุกอย่างให้คุ้มค่า ให้เกิดความสมดุลเพื่อแก้ปัญหาในทุกมิติ โดยเดินไปพร้อมกัน รัฐบาลมุ่งมั่น ทุ่มเท รวมทั้งแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่เต็มสติกำลังตามความสามารถ ตลอดจนการทำงาน การพัฒนาโครงสร้างต่างๆให้เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินงานเป็นผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ ถ้าไม่เห็นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ว่ามีอะไรก้าวหน้าบ้าง
“มี 2 คำที่ผมใช้อยู่เสมอคือความเท่าเทียมด้านโอกาส และเท่าเทียมด้านกฎหมาย จึงขอเน้นย้ำจะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่สร้างภาระระยะยาว จะต้องทำอย่างระมัดระวัง ดำเนินการภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเหมาะสม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศได้เป็นอย่างดี และสามารถฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคน ในปี 2566 จากเดิมอยู่ที่ 10 ล้านคน และตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ที่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่า GDP จะเพิ่มจากร้อยละ 3.2 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.5 ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตาม เฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมรองรับทุกสถานการณ์จากทั่วทุกภูมิภาคของโลกที่อาจส่งผลกระทบกับประเทศไทยในอนาคต
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า การใช้จ่ายภาครัฐในปีงบประมาณ 2567 ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนต่าง ๆ ให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด ภายใต้กรอบวงเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ วงเงินประมาณ 5.05 แสนล้านบาท ดังนั้น การบริหารจัดการด้านการคลังจึงจำเป็นต้องดำเนินไปด้วยความรอบคอบ รักษาวินัย และเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด การจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายภาครัฐต้องมีความสอดคล้อง เหมาะสม และยั่งยืน สามารถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในระยะยาว โดยรัฐบาลได้จัดทำแผนการคลังระยะปานกลางปีงบประมาณ 2567-2570 กำหนดเป้าหมายสัดส่วนการขาดดุลการคลังต่อ GDP ให้ลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่เกินร้อยละ 3 ตามมาตรฐานของสากล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ 2557 ประกอบด้วย 1.น้อมนำแนวทางพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2. ให้ความสำคัญกับการดำเนินการเพื่อยกระดับศักยภาพประเทศในทุกมิติ 3. บริหารรายจ่ายประจำอย่างประหยัดคุ้มค่ามีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้การเสนอแผนการใช้จ่ายในแต่ละโครงการจะต้องมีการตรวจสอบความเป็นไปได้ ทั้งโครงการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เรื่องไหนที่เสนอมาแล้วไม่ผ่านก็ต้องนำกลับไปทบทวน 4. ประเมินผลสำเร็จของการดำเนินงาน 5. ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 .จัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
“ถ้าเราใช้งบประมาณที่ถูกต้องคุ้มค่าสุจริตโปร่งใสและเป็นธรรมตรวจสอบได้ ถือหลักการของผมในฐานะนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล ฉะนั้นจะต้องไม่มีการทุจริต ถ้ามีก็ต้องถูกลงโทษ ผมไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ขอให้ช่วยกันให้เรียบร้อยทุกเรื่อง อย่าให้เกิดความแตกแยก ชิงชัง ผมไม่ต้องการแบบนั้น บ้านเมืองไปกันไม่ได้ เราใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเดิมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ขอบคุณทุกคนที่ฟัง คำพูดของตนอาจไม่น่าฟังมากนัก แต่ทั้งหมดนี้คือจิตใจของผม”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวมอบนโยบาย นายกฯมีอาการ เหมือนคอแห้งและเสียงหาย รวมถึงไอเป็นระยะ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับกล่าวว่า “พูดเยอะ” ก่อนจะหยุดหันไปดื่มน้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หัวลำโพงคึกคัก! 'อิ๊งค์' นำทีม พท. สัมมนาหัวหิน ตื่นเต้นขึ้นรถไฟรอบ 20 ปี
’แพทองธาร‘ นำทีม ’เพื่อไทย’ ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ มุ่งหน้าสัมมนาหัวหิน ‘เศรษฐา-โอ๊ค-เอม’ ร่วมด้วย ตื่นเต้นนั่งรถไฟรอบ 20 ปี
จับตา! 'ทักษิณ' สร้างอภินิหารการเมือง คัมแบ็กนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จับสัญญาณ ทักษิณหวนคืนอำนาจรัฐ
นายกฯอิ๊งค์ขายฝันประชานิยมปี 2568 แจกเงินหมื่น-ผ่อนบ้าน 4 พัน-ล้วงเงินหวยส่งเด็กเรียนนอก
'นายกฯอิ๊งค์' ร่ายยาวผลงานรัฐบาล 90 วัน เปิดอนาคตปี 68 ครอบคลุมทุกมิติ มาแน่ปีหน้าเงินหมื่นเฟส 2-3 จัดบ้านเพื่อคนไทยผ่อน 4 พันไม่ต้องดาวน์ ผุดไอเดียดึงงบกองสลากส่งเด็กไทยเรียนเมืองนอก คืนชีพ 1 อำเภอ 1 ทุน
เปิดสภาวันแรกเดือด!ฝ่ายค้านซัดจงใจหนีตอบกระทู้ทั้ง ครม.
สส.เพื่อไทยเดือด ปชน. ตั้งกระทู้ปลาหมอคางดำ หลอกด่านายกฯ เบี้ยวตอบกระทู้ตั้งแต่วันแรกของการประชุมสภาฯ ด้าน 'ปธ.วิปค้าน' ข้องใจเจตนาแถลงผลงานตรงวันเปิดประชุมสภา ฉุนจงใจเบี้ยวตอบกระทู้ทั้ง ครม.
พ่อนายกฯเคลียร์MOUสยบม็อบ
อิ๊งค์พร้อม! จัดชุดใหญ่แถลงผลงานรัฐบาล ลั่นรอจังหวะไปตอบกระทู้
คิกออฟแพ็กเกจแก้หนี้ ลุ้นบอร์ดขึ้นค่าแรง400
นายกฯ เผยข่าวดี ครม.คลอดชุดใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน "คลัง-แบงก์ชาติ"