'แสวง' ยัน กกต. เร่งพิจารณาแบ่งเขต หาก 77 จังหวัดส่งมาจะเร่งพิจารณาทันที ย้ำที่ไม่แบ่งไว้ก่อน เกรงทำเกินกฎหมายรองรับ วอนทุกฝ่ายเข้าใจการทำงาน ยึดระเบียบกฎหมาย ไม่เข้าข้างพรรคใด
0 2 ก.พ.2566 - นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ กฎหมาย กฎระเบียบที่ปรับปรุงเปลี่ยนไปตามห้วงเวลา และเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดในการพัฒนาการประชาสัมพันธ์ของภาคีเครือข่าย เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง ส.ส.ประกอบด้วย ผู้บริหาร พนักงาน ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ตัวแทนสื่อมวลชนจังหวัดภาคเอกชน และตัวแทนสื่อมวลชนภาครัฐ ใน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี และจังหวัดยะลา
นายแสวงกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้สมัคร มีแต่ว่าที่ผู้สมัคร ซึ่งอาจจะกระทำผิดในช่วงนี้ โดย กกต.ทำได้เพียงแค่รวบรวมข้อมูล เนื่องจากยังไม่ทราบว่าเป็นผู้สมัครหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะอยู่ครบวาระหรือไม่ หากอยู่จนครบวาระก็จะมาพิจารณาดูว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ แต่หากอยู่ไม่ครบวาระ มีการสิ้นอายุสภาผู้แทนราษฎร โดยการยุบสภาเงื่อนเวลาก็เปลี่ยนไป จึงเป็นเงื่อนไขที่บังคับหลังว่า กรณีอยู่ครบวาระการกระทำที่มีผู้มายื่นเรื่องร้องเรียนไว้หรือกรณีที่ กกต.เห็นเองเนื่องจากความปรากฏ โดย กกต.ก็จะต้องนำมาพิจารณาว่าการกระทำนั้นเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่
“มันเป็นครั้งแรกที่เราและพรรคการเมืองต้องมาเจอลักษณะนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าจะอยู่จนครบวาระหรือยุบสภาหรือเปล่า แต่สำหรับเราก็คงเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราก็ถูกตั้งโจทย์ เหมือนการแบ่งเขต เหมือนเราไม่พร้อม เหมือนสังคมถาม จริงๆ มีคนเข้าใจเยอะ แต่ว่าผู้แสดงความเห็น ซึ่งเป็นนักจัดรายการบอกว่าทำไม กกต.ไม่แบ่งเขตไว้ก่อน ทำไมเมื่อกฎหมายประกาศใช้ ทำไม กกต.ไม่ประกาศเขตเลือกตั้งทันที นี่คือสิ่งที่สังคมอาจจะไม่เข้าใจ ประชาสัมพันธ์นี่แหละจะทำให้ประชาชนเข้าใจ หากประชาชนไม่เข้าใจเรื่องนี้เราก็จะทำงานยาก หนึ่งคือเหมือนเราไม่ใส่ใจ ความหมายคือเหมือนเราหยุดมาตั้ง 4 ปีทำอะไรอยู่ ทำไมคุณไม่แบ่งเขตก่อน" นายแสวง กล่าว
นายแสวง ยังระบุว่า ไม่เพียงแค่ประชาชนที่ไม่เข้าใจ ฝ่ายการเมืองก็ไม่เข้าใจ กกต.จึงเกรงว่ากฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วเกิดยุบสภาเลย กกต.ก็จะไม่มีเวลาทำงานในการแบ่งเขต ความรับผิดชอบก็จะอยู่ที่ กกต.ทันที ทำไมหยุดตั้งนานจึงไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย แต่จริงๆ เป็นเงื่อนไขตามกฎหมาย การแบ่งเขตถ้าไม่มีอำนาจตามกฎหมาย กกต.ก็ไม่สามารถทำได้ บ้านเรามีอะไรนิดหน่อยก็มีฝ่ายที่เห็นด้วย ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เราต้องไม่สร้างเงื่อนไขในการทำงาน ซึ่งเป็นงานใหญ่ของประเทศ การเมืองแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ตนเองพยายามที่จะลดเงื่อนไข จึงต้องไปพูดว่าเราต้องการ 45 วัน ถ้าไม่ได้ 45 วันเราลำบาก และพรรคการเมืองก็ลำบาก ไม่มีเขตเลือกตั้ง พรรคการเมืองจะไปทำไพรมารี หรือส่งผู้สมัครก็ทำไม่ได้ สุดท้ายไม่รู้ว่ารัฐบาลจะคิดอย่างไร แต่ก็ให้มาคือหมายความว่ายังไม่ยุบสภา ให้เวลาเพราะเป็นเงื่อนไขเวลาตามกฎหมาย หากยุบสภาช่วงนี้เราไม่มีเขต ก็ยากขึ้น พอยากขึ้น กฎหมายไม่ครอบคลุมก็จะเป็นเงื่อนไขให้คนมาท้วง ซึ่ง กกต.ทำได้แต่มีคนท้วงแน่นอน โดย กกต.พยายามทำให้เกิดความโปร่งใส และลดเงื่อนไขในการทำงาน
นายแสวงยังกล่าวถึงแผนการแบ่งเขตเลือกตั้ง ว่าได้สั่งการไปยังทางจังหวัดแล้วว่าจะสามารถประกาศเขตเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ ซึ่งมีอยู่ 4 ขั้นตอน ไม่สามารถลดขั้นตอนได้ โดยใช้เวลาประมาณกว่า 20 วัน แต่สามารถเร่งขั้นตอนให้เร็วขึ้นได้ ซึ่งตามแผนของ กกต.จะพิจารณาวันที่ 20 ถึงวันที่ 28 ก.พ.ใช้เวลาประมาณ 7-8 วัน อย่างไรก็ตามหากสำนักงานทำมาทั้ง 77 จังหวัด กกต.ก็พร้อมจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน ยืนยัน กกต.ทำตามกฎหมายและระเบียบ ไม่เข้าข้างพรรคใด
“ผมเองก็เห็นใจจังหวัด เพราะเมื่อต้องรับฟังความคิดเห็น 10 วัน กกต.จังหวัดมีเวลา 3 วันในการรวบรวมความเห็นพร้อมรูปแบบแต่ละแบบส่งมาที่ส่วนกลาง ส่วนกลางก็ต้องยอมรับงานหนัก ต้องทำบันทึกเสนอให้ กกต.พิจารณา 77 จังหวัด โดยมีเวลาเพียงวันเดียวก่อนที่จะเสนอเข้าที่ประชุม กกต. ในวันที่ 20 ก.พ. ให้พิจารณา หาก 77 จังหวัดส่งมาพร้อมกันก็ถือเป็นเรื่องดี ส่วนกลางก็ต้องทำให้ได้หากจะเข้าพิจารณาวันที่ 20 หรือ 22 ก.พ. หากทำได้ก็เป็นเรื่องดี กับประชาชนและพรรคการเมืองที่จะได้เขตไปก่อน เพราะ กกต.จะต้องนำเขตไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไปตามแผนคือ วันที่ 28 ก.พ.”
นายแสวง ยังกล่าวว่าไทม์ไลน์ที่ กกต.วางไว้เดินเร็วกว่าแผนงาน เช่น ระเบียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดย กกต.ออกครบทั้ง 5 ระเบียบ ส่งไปประกาศราชกิจจา ประกาศเผยแพร่ไปแล้ว 2 ฉบับ ที่เกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง วันนี้ราชกิจจานุเบกษาจะประกาศระเบียบ กกต.เกี่ยวกับพรรคการเมือง ที่เกี่ยวกับการทำไพรมารี 2 ฉบับ เหลืออีกเพียง 1 ฉบับระเบียบใหญ่ กกต.ตรวจทาน เพราะมีการแก้ไขระเบียบทั้งฉบับ และพิจารณาแล้วเสร็จในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประกาศแล้ว! จำนวน สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง-เขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดจะพึงมี
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเ
สส.บริจาคภัยพิบัติเต็มที่ ท้องถิ่นระวังช่วง180วัน!
กกต.ไฟเขียวบริจาคช่วยภัยพิบัติ สส.-สมาชิกพรรค ทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ
กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


