'จตุพร' มองไม่เห็นแวว 'อิ๊งค์' เหมาะเป็นนายกฯ แนะประเมินตัวเอง!

ต้องยอมรับว่า ถึงวันนี้ ผมยังไม่เห็นแววอุ๊งอิ๊งเหมาะกับการเป็นนายกฯ ตัวจริงของประเทศได้เลย เพราะนายกฯ ตัวจริง เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นนายกฯ แล้วรอการตัดสินใจจากคนที่เห็นแค่ภาพ ไม่ได้อยู่หน้างาน จะตัดสินใจผิดพลาดและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

17 ก.พ.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ตีเนียน" ย้ำถามถึงเพื่อไทยจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พปชร.หรือไม่ ต้องประกาศคำมั่นสัญญาให้ชัดเจน เช่นเดียวกับ “อุ๊งอิ๊ง” ถ้าต้องการเป็นนายกฯ ตามอารมณ์ความรู้สึกของโพลแล้ว เพื่อไทยควรแถลงให้เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพียงคนเดียว ซึ่งบางกลุ่มจะส่งข้อมูลที่ตัวเองยังไม่รู้มาช่วยประชาสัมพันธ์ให้

นายจตุพร กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยโดยผู้มีอำนาจทั้งอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวทักษิณ ชินวัตร และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค หรือทักษิณ ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดของพรรค ต้องแถลงให้ชัดจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตรและ พปชร. หรือไม่ และเพื่อให้เกิดความเด็ดขาด น่าเชื่อมั่น และสังคมจะยอมรับ จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาได้ง่ายที่สุด

"แต่วันนี้ คนไม่มีบทบาทนำของเพื่อไทย เป็นแค่กองเชียร์กลับมาพูดว่า เลือกอิ๊งค์ ก็ต้องได้อิ๊งค์เป็นนายกฯ สิ จะไปได้ป้อม (พล.อ.ประวิตร) ได้ยังไง ดังนั้นควรเอากันให้ชัดเลยว่า เพื่อไทยต้องการให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ จริงหรือเปล่า ถ้าต้องการจริง ต้องเสนออุ๊งอิ๊ง เป็นแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยเพียงคนเดียว"

นายจตุพร ระบุว่า พปชร.ก็ควรเสนอ พล.อ. ประวิตร คนเดียว ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แม้ยังไม่มีมติพรรคก็ควรเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียว ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้แถลงแล้วจะเสนออนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรค เช่นกันกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็เสนอจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค

ดังนั้น คำถามง่ายๆ คนที่มีอำนาจและบทบาทเต็มของเพื่อไทยต้องออกมายืนยันให้เป็นคำมั่นสัญญา ว่า แม้ผลเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ก็ไม่มีวันไปจับมือกับ พล.อ.ประวิตร-พปชร.เด็ดขาด ซึ่งข้อกล่าวหาใดๆ ที่ตามมาจากคำถามนี้ย่อมเป็นที่ยุติ ไม่มีการพูดถึงต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองที่ผ่านมา พรรคการเมืองมักอ้างความจำเป็นมาเปิดช่องว่างหลบหลีกคำสัญญาที่ให้กับประชาชนเสมอ กรณีปี 2535 เป็นที่ชัดเจน เพราะ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีต ผบ.ทบ. หัวหน้าทหาร จปร.รุ่น 5 สัญญาไม่เป็นนายกฯ แต่กลับอ้างความจำเป็นมาเป็นนายกฯ จนประชาชนออกมาต่อต้านรุนแรงถึงชีวิต เลือดเนื้อและการสูญหายของประชาชนจำนวนมาก

ขยับมาอีกปี 2556 กรณีเพื่อไทยเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่เรียกว่า กฎหมายสุดซอยนั้น ในวาระแรกยังยึดมั่นให้นิรโทษฯ เฉพาะประชาชนที่ร่วมชุมนุมทางการเมือง แต่ถึงวาระสองกลับครอบคลุมถึงแกนนำ ผู้ใช้ ผู้บงการฆ่า และคดีทุจริต จึงเป็นการไม่รักษาคำมั่นสัญญา โดยอ้างเหตุความจำเป็น จึงต้องแลกด้วยความพินาศย่อยยับของประเทศมาถึงทุกวันนี้

"วันนี้ เดิมพันทางการเมืองของคนอายุ 78 ปี อย่าง พล.อ.ประวิตร คือ เป็นนายกฯ แต่กองเชียร์เพื่อไทยพยายามปั่นว่า เลือกอิ๊งต้องได้อิ๊งจะได้ป้อมได้อย่างไง ดังนั้น เพื่อไทยต้องประกาศแคนดิเดตคนเดียวคืออิ๊ง เลย แล้วแถลงยืนยันไม่จับมือกับ พล.อ.ประวิตรเป็นพันธะสัญญา เพราะวันหนึ่งถ้าไปจับมือกันภายหลัง ประชาชนจะออกมาขับไล่ ทวงความรับผิดชอบกับคำพูดได้” นายจตุพร ย้ำ

นายจตุพร เสนอว่า หากอุ๊งอิ๊งต้องการเป็นนายกฯ จริงแล้ว ต้องฉายความพร้อมที่จะเป็นออกมา โดยผ่านกระบวนการความคิด เพื่อให้คนก้าวข้ามการวิพากษ์วิจารณ์คุณสมบัติแค่เป็นลูกสาวทักษิณ ดังนั้น จึงจะแสดงความสามารถให้ประชาชนเห็นศักยภาพคนเป็นนายกฯ ทั้งคิดเป็น ทำเป็น และแก้ไขปัญหาเป็น แล้วยังเป็นที่พึ่พาของประชาชนในประเทศได้

"ต้องยอมรับว่า ถึงวันนี้ ผมยังไม่เห็นแววอุ๊งอิ๊งเหมาะกับการเป็นนายกฯ ตัวจริงของประเทศได้เลย เพราะนายกฯ ตัวจริง เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นนายกฯ แล้วรอการตัดสินใจจากคนที่เห็นแค่ภาพ ไม่ได้อยู่หน้างาน จะตัดสินใจผิดพลาดและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง”

รวมทั้ง กล่าวว่า วันนี้การเป็นนายกฯ ตามอารมณ์ความรู้สึกที่โพลสำรวจนั้น แม้เป็นปัจจัยส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญคนจะเป็นนายกฯ ได้ต้องมีความบริบูรณ์มากกว่าคะแนนเสียง อีกทั้งที่ผ่านมา การเมืองไทยคนที่ถูกยกย่องเหมาะเป็นนายกฯ มักอายุเกิน 40 ปีทั้งสิ้น หากอุ๊งอิ๊งได้เป็นแล้ว ก็จะเป็นนายกฯ คนแรกของประเทศที่อายุไม่ถึง 40 ปี

อีกอย่าง นายกฯ ที่ผ่านมานั้น เมื่ออายุไม่ถึง 40 ปี ยังไม่กล้าเป็นนายกฯ แม้ทางการเมืองจะเปิดโอกาสให้ก็ตาม เช่นกรณีของนายปรีดี พนมยงค์ ที่มีความรู้มากมาย เป็นต้น ดังนั้น การคิดกล้าเป็นนายกฯตัวจริง คงไม่มีใครรู้จักตัวเองเท่ากับอุ๊งอิ๊งรู้จักเป็นแน่นอนว่า จะเป็นได้หรือไม่

"เพราะสถานการณ์ทางการเมือง การเป็นนายกฯ ไม่ได้หมายความว่าจะดำรงอยู่ได้ โดยอุ๊งอิ๊งต้องประเมินตัวเองจากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทั้งสองครั้งว่า คนชั้นกลางรับได้หรือไม่ เพราะถ้าเข้าเหลี่ยมผิดจะเกิดระบาดทางอารมณ์เร็วมาก”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าอุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกฯ แล้ว ก็ไม่ต้องเสนอเศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ และพรรคเพื่อไทยประกาศเลยว่า จะให้อุ๊งอิ๊งเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว อีกทั้งสัญญาไม่จับมือกับ พปชร.และ พล.อ.ประวิตร หากผิดสัญญา ก็ให้ประชาชนออกมาขับไล่ พร้อมบอกไม่ให้เลือกเพื่อไทยไปตลอดชีวิต เนื่องจากผิดคำมั่น แบบนี้แสดงความตรงไปตรงมากับประชาชนได้ชัดเจนดี

"แม้การเป็นนายกฯ เป็นเรื่องของประชาชน แต่ถ้าคุณ (อุ๊งอิ๊ง) ต้องการเป็นนายกฯ แล้ว ต้องพูดกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา แล้วคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นประวัติจะพรั่งพรูออกมาช่วยประชาสัมพันธุ์ให้ ซึ่งคุณเศรษฐา จะไม่ต้องเดือดร้อนกับชุดข้อมูลที่บางฝ่ายเตรียมไว้เปิดสู่สาธารณะด้วย”

พร้อมเห็นว่า การพูดความจริงกับประชาชนจะจบทุกอย่าง และเมื่อประกาศเป็นนายกฯ ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วย สมมุติในส่วนของฝ่ายที่เคยไปรับปากเขาไว้แล้ว เขาจะจัดการอย่างไร ซึ่งตนจะได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ก่อนการเลือกตั้ง เพราะคนพวกนี้ เขามีอำนาจครบถ้วนในมือ ใครทรยศเขาก็จะสำแดงตอบโต้ได้ทุกรูปแบบ

"ผมเชื่อว่า เหตุที่ยังไม่ตอบคงมองเห็นไม่ต่างจากผมเห็น เพียงแต่ไม่ยอมรับความจริง แต่กระแสคำถามที่ต้องการคำตอบไปแรงและเร็วไกล ซึ่งแก้ง่ายเพียงไม่กี่พยางค์ เพียงแต่ทำเป็นตีเนียนและไม่พูดกันเท่านั้น”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตประธานสภาฯ ฉะพ่อนายกฯมีสิทธิ์อะไรไล่พรรคร่วมกลางสัมมนาพรรคเพื่อไทย

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “พ่อนายกฯ เป็นใคร มีสิทธิ์อะไรไล่พรรคร่ว

'จตุพร' อัดคนทุจริต จิตตกมาตรฐานต่ำ อวดยิ่งใหญ่ตวาดไล่ รมต.

จตุพรฟาดทักษิณ คุณใหญ่มาจากไหน เย้ยมาตรฐานการเมืองต่ำ ชกใต้เข็มขัด ลามปามลากครอบครัวไม่เกี่ยวข้องการเมืองมาโพนทะนาเสียหาย ซัดกลับมีอาชีพอะไรทำไมรวยแล้วยังโกงบ้านเมือง ปัดหากินกับม็อบเพราะไม่ได้คุมเงิน ปูดบางพรรคหลังเลือกตั้งจ่ายเงินให้ สส.คนละ 5 ล้านแล้ว ย้อนคุณรู้หรือไม่? จะให้ ปปง.ตรวจสอบหรือไม่

อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก

แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง