เพื่อไทยอำมหิต! ตัดพี่ตัดน้องจะกวาดสส. 310 ที่นั่ง 'ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย' เป็น 0

'จตุพร' อัดเพื่อไทย สุดอำมหิต ประกาศตัดพี่ตัดน้องกวาด 310 ที่นั่ง เท่ากับ 'ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย-เสรีรวมไทย' ไม่ได้ ส.ส.เข้าสภาสักที่นั่งเดียว เพราะพฤติกรรมการเลือกตั้ง จะไม่เหวี่ยงข้ามไปเลือกอีกขั้ว พร้อมถามย้ำแล้วอีก 66 เสียงเอามาจากไหนถึงจะตั้งรัฐบาลได้?

12 มี.ค.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "เอาที่สบายใจ" โดย กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยมุ่งกวาดเสียง 310 คน ไม่แบ่งให้พรรคอื่นในฝ่ายเดียวกัน ต้องการให้เลือกตั้งชนะขาด เพื่อตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับธรรมชาติทางการเมือง คือ เสียงเลือกตั้งจะไม่ย้ายข้างไปลงให้อีกฝ่ายหนึ่ง โดยพรรครัฐบาลจะไม่เลือกฝ่ายค้าน และฝ่ายค้านจะไม่เลือกรัฐบาล ดังนั้น เสียงที่ต้องการ 310 คน จึงต้องกระทบกับพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ถ้าเพื่อไทยได้ 310 เสียงจริง แสดงว่า พรรคก้าวไกล เสรีรวมไทย และประชาชาติ รวมทั้ง ไทยสร้างไทย จะไม่ได้รับเลือกตั้งเลย ดังนั้น การไม่แบ่งเสียงให้พรรคฝ่ายเดียวกัน ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง จึงเป็นความอำมหิต และจะเกิดการต่อสู้แย่งชิงเสียงในพรรคฝ่ายเดียวกันอย่างรุนแรง

นายจตุพร ระบุว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่แบ่งเสียงให้ใครแล้ว การชิงนายกฯ ต้องใช้เสียงเกินครึ่งของรัฐสภาจำนวน 376 เสียงจากทั้งหมด 750 เสียง (ส.ว. 250 + ส.ส. 500 เสียง) แล้ว จึงสงสัยว่า เสียงอีก 66 เสียงจะเอามาจากไหนเพื่อบวกกับ 310 เสียงที่หวังจะได้รับ และทำให้เพื่อไทยสามารถฝ่าด่านเลือกนายกฯ ไปได้ ก่อนไปสู่การตั้งรัฐบาลพรรคเดียวตามการคุยโวที่ทำให้สบายใจ ก็ว่ากันไป

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อหักลบกันแล้ว ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีพรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และพรรคใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติ จะเหลือเสียงเพียง 190 เสียงเท่านั้น แต่ยังมีเสียง ส.ว. 250 เสียงเป็นหน่วยหนุนเสริมอีก รวมเป็น 440 เสียงเกินครึ่งหนึ่งของเสียงรัฐสภา 376 เสียง จากทั้งหมด 750 เสียง จึงแสดงว่า ฝ่ายรัฐบาลเดิมยังสามารถฝ่าด่านเลือกนายกฯ และตั้งรัฐบาลได้อยู่ดี

"ถ้าเพื่อไทยจะประกาศทั้งทีต้องใช้ตัวเลข 376 เสียงไปเลย ขอ 310 เสียงทำไม เพราะไม่มีผลต่อการเลือกนายกฯ และตั้งรัฐบาล อีกทั้งจะไปหาอีก 66 เสียงจากไหนมาเติมให้เกินครึ่งของรัฐสภา เนื่องจากกวาดฝ่ายเสียงเดียวกันจนหมดเกลี้ยงแบบนี้แล้ว ดังนั้น อีกสองวันควรประกาศเพิ่มใหม่เป็น 376 เสียง จะได้สบายใจกันไปเลย" นายจตุพร ประชด

พร้อมกล่าวว่า ในทางปฏิบัติแล้ว ตัวเลขชนะเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ช่างเป็นตรรกะย้อนแย้งกันอย่างยิ่ง รวมทั้งการพูดกวาดเรียบไม่แบ่งให้พรรคใด ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง เท่ากับทำลายจิตใจของมิตรทางการเมือง ขณะเดียวกันความเป็นไปได้บนฐานเสียง 310 เสียงนั้น ความจริงมาจากการประเมินด้วยการย้ายขั้วทางการเมืองจากพรรคพลังประชารัฐมาอยู่เพื่อไทย เพื่อเพิ่มค่าตัวทางการเมือง แล้วตีจากหลังเลือกตั้ง เสมือนเป็นการเก็งกำไรราคาหุ้นการเมืองส่วนบุคคลกัน

อีกทั้ง กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะย้ายจากพลังประชารัฐมาเพื่อไทยนั้น ขณะนี้รอการตัดสินใจครั้งสุดท้ายอยู่ แต่ดึง ส.ส.ระดับใหญ่มาอยู่เพื่อไทย มีความแตกต่าจากเสียงแลนด์สไลด์ในสมัยพรรคไทยรักไทยในปี 2548 กับปี 2554 ในช่วงพรรคเพื่อไทย เพราะในช่วงนั้น พรรคการเมืองในฝ่ายเดียวกันแทบไม่มีตัวแบ่งแย่งชิงเอาเสียงประชาชนไป

นายจตุพร กล่าวว่า ในปี 2548 พรรคไทยรักไทยดึงพรรคการเมืองอื่นๆ มาควบรวมด้วย ทั้งความหวังใหม่ เสรีธรรม ชาติพัฒนา จนทำให้พรรคฝ่ายเดียวกันไม่มีคู่แข่งขัน ผสมกับทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศครบวาระ 4 ปีเป็นครั้งแรก อีกทั้งเพิ่งผ่านพ้นการแก้ปัญหาสึนามิถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ สิ่งเหล่านี้ล้วนหนุนเสริมให้เกิดเสียงแลนด์สไลด์ครั้งแรกได้รับเลือกถึง 377 เสียงจากทั้งหมด 500 เสียง

นอกจากนี้ เห็นว่า มาถึงแลนด์สไลด์ครั้งที่สองในปี 2554 พรรคเพื่อไทย (ซึ่งเปลี่ยนรูปมาจากพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน ที่ถูกยุบพรรคตามลำดับ) ผ่านช่วงเลือดนองถนนกลาง กทม.มาหมาดๆ การชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 ถูกล้อมปราบด้วยอาวุธสงคราม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตจำนวนมากกว่า 100 ศพ บาดเจ็บและหายสาปสูญอีกมากมาย เมื่อเลือดคนเสื้อแดงยังไม่แห้งจากอารมณ์ใจคั่งแค้น เจ็บปวดร้าวลึก ย่อมทำให้อารมณ์ความรู้สึกเป็นแรงเหวี่ยง ระบายออกเลือกพรรคเพื่อไทยจนชนะเลือกตั้งปี 2554 แบบม้วนเดียวจบ ได้เสียง 265 เสียงจากทั้งหมด 500 เสียง จึงได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล อีกทั้งในพรรคฝ่ายประชาธิปไตยในช่วงนี้มีเพื่อไทยอยู่พรรคเดียวเท่านั้น

ส่วนการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2562 ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยถูกแบ่งออกไปเลือกพรรคอนาคตใหม่ (ก้าวไกลปัจจุบัน) ดังนั้น แม้ได้เสียงมากเป็นอันดับหนึ่งจำนวน 136 เสียง แต่ไม่แลนด์สไลด์ สิ่งสำคัญมีพรรคก้าวไกลที่เป็นฝ่ายเดียวกันมาเบียดชิงเสียงคนรุ่นใหม่ไปได้มากถึง 81 เสียง

นายจตุพร เสนอว่า ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทยประกาศกวาดเสียงแลนด์สไลด์ 310 เสียง โดยไม่แบ่งให้พรรคพี่พรรคน้อง ซึ่งหมายถึงพรรคไทยสร้างไทย (แยกจากพรรคเพื่อไทย) และมีก้าวไกล อยู่ในฝ่ายค้านร่วมด้วยกันจะไม่ได้ ส.ส. สักคน ซึ่งในทางการเมืองคงเป็นไปได้ยากยิ่ง เพราะในพื้นที่คะแนนเสียงของเพื่อไทยมีผู้สมัครเด่นๆของก้าวไกลและไทยสร้างไทย ดังนั้น สองพรรคนี้ย่อมมีโอกาสแบ่งส่วน ส.ส.มาได้หลายคน

"แรงเหวี่ยงแบบตัดญาติขาดมิตร ยิ่งแสดงถึงจิตใจคับแคบเท่าไร ย่อมจะถูกตอบโต้กลับจากฝ่ายเดียวกันมากขึ้น สิ่งสำคัญพรรคใหญ่ ควรแสดงตนเป็นคนใจกว้างชวนประชาชนให้เลือกฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อหยุดระบอบ 3 ป. และให้เพื่อไทยไปตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้บริหารประเทศ การแสดงความใจกว้างเช่นนี้ จะได้ใจหมู่มิตรพร้อมร่วมเป็นร่วมโค่นระบอบ 3 ป.ด้วยกัน" นายจตุพร กล่าว และเห็นว่า การแสดงใจคับแคบ ตัดขาดมิตรแล้วกระทืบซ้ำพรรคฝ่ายเดียวกัน ยิ่งทำให้เกิดอาการบาดหมางใจ หากหลังเลือกตั้งจะร่วมรัฐบาลแล้ว จะมีมิตรพรรคฝ่ายเดียวกันมาร่วมได้อย่างไรกัน

รวมทั้งเสนอเชิงประชดว่า เมื่อเพื่อไทยอยากได้เสียง 310 เสียง แต่ยังไม่ถึงครึ่ง 376 เสียงเพื่อเลือกนายกฯ ดังนั้น เพื่อความสบายใจก็ประกาศเอาให้ถึง 376 เสียงไปเลย หรือเพิ่มเพื่อความสบายใจยิ่งขึ้นก็เพิ่มมาเป็น 400 เสียง และถ้าอยากสบายใจที่สุดก็กวาดเรียบไปเลย 500 เสียง คงไม่มีใครว่าและได้สบายใจอำมหิตกันสุดๆ ไปเลย....

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' เผยเรียก 'สุชาติ' เข้าพบ ถามเรื่องพื้นที่จันทบุรี ไม่มีคุยปรับครม.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ขึ้นรถเดินทางกลับบ้าน เมื่อเห็นกลุ่มสื่อมวลชนที่ดักรออยู่จึงเดินลงมาทักทายอย่างอารมณ์ดี

หวั่นดึงคนภาพลักษณ์ไม่ดี นั่งครม.เศรษฐา 1/1 กระทบรัฐบาล

นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม.เศรษฐา 1/1ว่า รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ทำงานมา 7-8 เดือน หลายเรื่อง

'เสี่ยเฮ้ง' เข้าทำเนียบฯ ดอดขึ้นหลังตึกไทยคู่ฟ้า พบนายกฯ หลังมีชื่อนั่ง รมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศทำเนียบรัฐบาล ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่คาดว่ารายชื่อใกล้จะแล้วเสร็จ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวบนตึกไทยคู่ฟ้าในช่วงบ่ายว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เรียกรัฐมนตรีที่มีรายชื่อติดโผเข้าพบ

ด็อกเตอร์ป้ายแดง 'ขวัญ อุษามณี' ลุ้นอนาคตลงเล่นการเมือง!

ตำนานแฮชแท็กดัง #ขวัญรักโรงเรียน สานต่อด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนางเอกหน้าแขก "ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์" จุดพลุฉลองตำแหน่งด็อกเตอร์จบการศึกษาปริญญาด้านการเมืองเรียบร้อยแล้ว งานนี้ตั้งโต๊ะเคลียร์ผ่านรายการดัง โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา ถึงเส้นทางอนาคตที่แว่วว่ามีลุ้นลงสนามการเมือง

เปิดระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2567

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน​กรรม​การ​การเลือกตั้ง​ (กกต.)​ ได้ลงนามในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ.2567