หวั่น 'เงินดิจิทัลเพื่อไทย' ทำลายระบบการเงินการคลังไทยล่มสลาย เตือนผิดรธน.โดนข้อหากบฎ

'ทนายนกเขา'หวั่นกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อไทยทำลายระบบการเงิน การคลังของไทยจนล่มสลาย ผิดรธน. ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้อหากบฎ กังขาแฝงประโยชน์ส่วนตัว ระบบการเงินตกอยู่ในมือ'ทักษิณ' เชื่อเป็นแนวคิดประชานิยมสุดอันตราย จี้กกต.เร่งสอบสวน บี้ 'เศรษฐา' แจงให้ชัด

7 เม.ย. 2566 - นายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "แจ่มแจ้ง" กล่าวว่า ระบบเงินดิจิทัลที่พรรคเพื่อไทยเสนอ เป็นนโยบายหาเสียงที่ซ่อนเร้นผลประโยชน์ส่วนตัวและแฝงอันตรายทำให้ระบบการเงินของประเทศล่มสลายได้

นายนิติธร หรือทนายนกเขา กล่าวว่า นโยบายของพรรคการเมืองเสนอนั้น ถือเป็นนโยาบยสาธารณะ เพื่อสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชน แต่ยังมีการซ่อนเร้นนโยบายผลประโยชน์ของพรรคที่แฝงทำให้ดูเหมือนเป็นนโยบายสาธารณะเข้ามาด้วย เพื่อมาอาศัยคะแนนนิยมจากประชาชนเป็นเครื่องมือผลักดัน ซึ่งจะนำไปสู่ความแตกแยก และเกิดผลร้ายกับประเทศได้

สิ่งสำคัญ เห็นว่า กรณีนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น มีนโยบายน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งกับนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกนำเสนอผ่านระบบความคิดของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ แต่ยังไม่แจ่มแจ้งเพียงพอ

ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ควรชี้แจงให้ชัดเจนถึงเงินที่นำไปใส่กระเป๋าหรือถึงเงินดิจิทัลนั้นเป็นเงินประเภทไหน เอางบประมาณมาจากไหน จำนวนเงินใส่ลงไปสูงถึง 10,000 บาทจะเป็นค่าเงินอะไร เหรียญคริปโตอะไร สิ่งเหล่านี้ประชาชนควรรับรู้จากนโยบายประชานิยมใหม่ให้ได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น

เมื่อนายเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยเสนอนโยบายเงินดิจิทัล นายนิติธร กล่าวว่า การให้ใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร แจกจ่ายให้ประชาชนอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปจำนวน 10,000 บาท โดยให้เงินนี้นำไปค้าขายในพื้นที่ของตัวเอง โดยผู้ขายสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้

"นั่นหมายความว่า เงินเริ่มต้น (10,000 บาท) ใส่ไปในกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้น ไม่ไช่เงินบาทแล้วเป็นไปตามวิธีการงบประมาณหรือไม่ ถูกกฎหมายเงินตราหรือไม่ มีการรับรองการทำผิดกฎหมายหรือไม่ แล้วทำไมจึงมีระบบเงินซ้อนขึ้นมาให้ประเทศ อีกทั้งระบบเงินเหรียญต่างๆ ธนาคารแห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ยังไม่เปิดช่องให้เกิดขึ้น" นายนิติธร แจกแจงข้อสงสัยมากมายที่ยังไม่ชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย “กรุณา” ขยายคำอธิบายสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งด้วย

นายนิติธร แสดงความเป็นห่วงว่า เมื่อนำระบบเงินแบบใหม่เข้ามาควรชี้แจงให้ครบ และจะเริ่มต้นที่ระบบการเงินการคลังด้วยสกุลเงินประเทศแบบไหน ดังนั้นอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ต้องตอบให้ชัดเพราะอาจสร้างลัทธิทางการเงินใหม่ไปสู่การบริโภครูปแบบใหม่หรือไม่

ยิ่งกว่านั้น กังขาว่า ระบบเงินดิจิทัลจะนำไปตอบสนองอาณาจักรการเงินของตัวเองหรือไม่ โดยทักษิณ ชินวัตร มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัท ไฟแนนซ์ ที่ทำกิจการกับเงินเหรียญที่ไม่ใช่สกุลหลักของประเทศใด แต่เป็นโลกของบล็อกเชน (Blockchain-ศูนย์การกระจายเงิน Bitcoin และสกุลเงิน Crypto) ซึ่งไม่มีหลักประกัน สามารถโยกย้ายแกนกลางได้ และที่สำคัญคือ ล่มสลายลงได้

รวมทั้งเห็นว่า นายเศรษฐา เคยจะให้นำเหรียญดิจิทัลมาซื้อขายบ้านจัดสรรของตัวเอง สิ่งสำคัญกังขาว่า พรรคเพื่อไทยกำลังทำระบบการเงินใหม่ของประเทศหรือไม่ ต้องการสร้างระบบแลกเปลี่ยนการเงินใหม่ของประเทศหรือไม่? ซึ่งยังไม่มีกฎหมายไหนรองรับ

“จึงมีโอกาสสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติและเป็นการแทรกแซงสร้างรูปแบบการเงินการคลังของประเทศขี้นมาใหม่ อาจส่อถึงการกระทำความผิด รธน.ทั้ง ม.113 และ ม.116 โดยการทำลายระบบการเงิน การคลังของประเทศก็เป็นปัญหาใหญ่ได้เช่นกัน และไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้อหาการกบฎ”

นายนิติธร เสนอว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรเร่งสอบสวนนโยบายของพรรคเพื่อไทยในส่วนนี้ให้ชัดเจน ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้ใครมากล่าวร้อง เพราะเป็นความคิดที่อันตราย และการกระทำแบบนี้จะกระทบกับสถานะการเงินการคลังของประเทศ เท่ากับได้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็จะได้ระบบการเงินใหม่เลย แต่ระบบกฎหมายยังไม่ได้แก้ไขใหม่มารองรับ

"นั่นหมายความว่า เมื่อเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะแก้ไขระบบกฎหมายตรงนี้หรือไม่ อีกทั้งทักษิณยังมีร่องรอยเป็นหุ้นส่วนสำคัญของบริษัทไฟแนนซ์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทุนบางแห่งเข้าร่วมขบวนการจะก่อวิกฤตการเงินของประเทศในรูปแบบใหม่นี้ ดังนั้น นโยบายที่ประชาชนยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ แต่นำเสนอในรูปแบบผลประโยชน์เชิงนโยบายสาธารณะ ย่อมแฝงอันตรายไว้อน่างน่ากังวลยิ่ง"

นายนิติธร เข้าใจว่า ในสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้ ประชาชนต้องการผลประโยชน์อย่างยิ่งเพื่อให้หลุดพ้นความเดือดร้อนของปากท้อง พร้อมยกตำอย่างคำพูดของทักษิณ ที่เคยบอกว่า "รวยแล้วไม่โกง" "ผมไม่ยุ่งการเมืองแล้ว" "ผมไม่ให้คนของผม ตระกูลของผมไปยุ่งการเมือง" มาย้อนทวน แล้วเชื่อว่า เป็นคำพูดที่สะท้อนบุคลิกภาพของทักษิณที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน ดังนั้น พฤติกรรมนิสัยเช่นนี้อาจมีส่วนถ่ายทอดทั้งทางสายเลือดและส่งผ่านสู่พรรคเพื่อไทยในเชิงนโยบายได้

"(การเปลี่ยนแปลงระบบการเงิน) ถ้าคิดตามกันไม่ทันแล้ว ระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศจะตกไปอยู่ในมือของทักษิณ ชินวัตร ผ่านการดำเนินนโยบายทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและมีบริษัทรองรับอยู่แล้วคือ บริษัท ไฟแนนซ์ สิ่งนี้จึงเป้นเรื่องที่แฝงอยู่ในนโยบายสาธารณะ จึงเป็นการผลักดันนโยบายบนพื้นฐานความต้องการของตัวเองมากกว่าประโยชน์สาธารณะ"

นอกจากนี้ นายนิติธร ยังกล่าวถึงสถานการณ์เลือกตั้งว่า ขณะนี้แจ่มชัดมาก แม้ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไร และการตั้งรัฐบาลเป็นฝ่ายใดก็ตาม แต่ไทยยังไม่มี รธน.เป็นประชาธิปไตย ขณะที่ ส.ว. ช่องทางลงมติให้บุคคลใดเป็นนายกฯ ได้อยู่ดี ซึ่งจะพลิกผันผลคะแนนที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้ง ดังนั้น เมื่อตั้งรัฐบาลได้ก็ทำให้มีผลไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่เหมือนเดิม

ส่วนนโยบายพรรคการเมือง เห็นว่า ส่วนใหญ่ยังเป็นประชานิยม ประชารัฐ พรรคการเมืองไม่มีนโยบายหารายได้เข้าประเทศ งบประมาณบริหารแต่ละปีอยู่ประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้จ่ายเป็นเงินเดือนราชการและทุ่มให้กับโครงการประชานิยมเหมือนเดิม เงินลงทุนพัฒนาจึงมีน้อยนิดไม่เพียงพอ

"ดังนั้น จึงเชื่อว่า เมื่อพรรคการเมืองใดมาเป็นรัฐบาล งบประมาณก็ยังขาดดุลอยู่ดี โดยเป็นเช่นนี้เมาปีที่ 10 แล้ว จึงทำให้ประเทศเป็นรองต่างประเทศในด้านการลงทุนแข่งขันทางเศรษฐกิจ ขณะที่เงินสำรองของไทยยังเป็นสกุลเงินดอลลาร์ แต่ทางด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกกำลังต่อสู้เพื่อเปลี่ยนสกุลเงินสำรองเป็นสกุลหยวนของจีน หรือสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งมีนัยยะสำคัญมากกับการทำให้ระบบการโอนเงินเปลี่ยนแปลงไป สิ่งนี้ยังรับฐาลใหม่ยังไม่มีมาตรการเตรียมรองรับปรากฎการณ์นี้"นายนิติธร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทพไท ฝาก 7 คำถามส่งตรงถึงทักษิณ

นายเทพไท เสนพงษ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า ฝากคำถามถึงทักษิณ ผมทราบข่าวว่า รัฐบาลร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) จัดงาน Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ SPLASH-Soft Power Forum 2025 ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม ที่ฮอลล์ 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เปิดกำหนดการ 3 นายกฯ 'แพทองธาร-ทักษิณ-เศรษฐา' โชว์วิสัยทัศน์งานซอฟต์พาวเวอร์

โฆษกพรรคเพื่อไทย เผยกำหนดการ 3 นายกฯ "อิ๊งค์-ทักษิณ-เศรษฐา" ร่วมเสวนา ถ่ายทอดวิวิสัยทัศน์ในงานซอฟต์พาวเวอร์ที่ใหญ่สุดในอาเซียน 8-11 ก.ค. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

อดีตผู้พิพากษาฯ วิเคราะห์คดีป่วยทิพย์ 'ฟ้าคงสว่าง' ไต่สวนชั้น 14 นัดสอง

วัส ติงสมิตร อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊ก “ศาลฎีกาไต่สวนคดีป่วยทิพย์ชั้น 14 นัดสอง” ชี้ศาลออกข้อกำหนดห้ามเผยแพร่คำเบิกความพยานเพื่อป้องกันความสับสนในสังคม อธิบายข้อแตกต่างระหว่างระบบกล่าวหา-ระบบไต่สวน ย้ำ “อดใจรออีกไม่นานฟ้าคงสว่าง”

'อดีตผู้พิพากษาอาวุโส' ตั้งคำถาม 7 ข้อ คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 นัดที่สองของศาลฎีกา

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฏีกา โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 นัดที่สองของศาลฎีกา มีเนื้อหาดังนี้