'จตุพร' ฟันเปรี้ยง! 'พิธา-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา' ไม่ใช่นายกฯ คนที่ 30

‘จตุพร’ เย้ย ‘ทักษิณ’ อย่าเอาแต่พูดขายหัวเราะ บี้กลับบ้าน 26 ก.ค. ฟันธง ‘พิธา-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’ ไม่ได้เป็นนายกฯ เห็นตำตางูเห่าฝูงใหญ่เลื้อยหนี 8 พรรค เตือนฝ่ายหนุน ‘ลุงป้อม’ มวลชนต้านเต็มถนน

16 มิ.ย. 2566 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ชัดมาก?” โดยแนะให้ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านตามสัญญาประกาศมาก่อนวันเกิดใน ก.ค. นี้ และเมื่อถึงไทยก็อย่าคิดมาก ต้องปลงใจ ปล่อยวางเดินเข้าคุกให้สง่างาม จะได้มีเวลาอยู่เลี้ยงหลาน 7 คนตามประสาคนแก่ออกแบบชีวิตในยามสูงวัย

นายจตุพร กล่าวถึงอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ยืนกรานทักษิณ ยังจะกลับบ้านใน ก.ค.นี้ ว่า อุ๊งอิ๊งพูดเป็นการโยนภาระให้ทักษิณตัดสินใจเอง ถึงที่สุดแล้ว เมื่อเข้ามาไทยต้องถูกนำตัวไปเข้าคุกตามกฎหมาย ซึ่งจะมีความสง่างามอย่างยิ่ง

อีกทั้ง ระบุว่า แต่ทักษิณต้องการกลับไทยแบบไม่ต้องเข้าคุก เพราะทำให้ตัวเองเท่ เหนือคนอื่น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้คงเป็นไปไม่ได้ จึงขอให้ทักษิณ ทำใจให้นิ่งสงบ ปล่อยวางเมื่อกลับมาก็เดินเข้าคุก และอย่าได้ระแวงกังวลใดๆ เพราะในคุกมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นเยี่ยม จะได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง ขอเพียงพยายามปรับตัว นอนให้หลับจะได้มีเวลาออกมาเลี้ยงหลาน 7 คนตามประสาคนแก่อายุมากแล้ว

“พูดกลับบ้านมา 17 ปีแล้ว ก็ยังไม่กลับ ไม่เบื่อพูดบ้างหรืออย่างไร ก็รีบตัดสินใจกลับมา คนอื่นยังกล้าติดคุกเต็มไปหมด แล้ววันนี้ยังพูดกลับบ้านอีก ถึงที่สุดที่บอกว่า จะกลับมาก่อนวันที่ 26 ก.ค.นี้ (วันเกิดทักษิณ) ก็ยังอยู่ในการตัดสินใจของทักษิณเหมือนเดิม” นายจตุพร ระบุ

นายจตุพร กล่าวว่า หวังว่าถ้าคำพูดของตนเผื่อได้ยินถึงทักษิณแล้ว ขอให้ปลงใจและรู้จักพอเสียบ้าง ละวางใจให้ได้ แล้วตัดสินใจกลับมาเดินเข้าคุก ซึ่งไม่มีอะไรน่ากลัว ตนติดมา 5 ครั้งแล้ว คุกไม่น่ากลัวเลย ที่น่ากลัวก็คือ ใจของตัวเองที่ขลาดกลัว หวาดระแวงจะถูกกระทำเหมือนที่เคยกระทำกับคนอื่นไว้

“ดังนั้น จึงหวังว่าทักษิณจะตัดสินใจกลับมาในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ตามที่ประกาศไว้ ถ้าไม่มาแล้วคนจะหัวเราะเอาได้ ซึ่งอย่าได้พูดกลับบ้านอีก เพราะคนไม่เชื่อ และจะกลายเป็นตำนานคนเลี้ยงแกะมาขายหัวเราะอีก” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวถึงการตั้งรัฐบาลว่า ถ้า 3 ฝ่าย คือ ฝ่าย 8 พรรค 312 เสียง กับพวกอำนาจเดิม 188 เสียง และ ส.ว. 250 ไม่โหวตให้ฝ่ายใดเลย หากทุกฝ่ายแสดงความเป็นคนจริงก็ย่อมตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ขณะนี้กลับมีคนไม่จริง คือ พูดอย่างทำอย่าง แม้พรรคไม่เปลี่ยนข้าง แต่คนของพรรคก็จะเปลี่ยนใจไปโหวตให้อีกฝ่าย ซึ่งคาดได้เห็นร่องรอยปรากฎตั้งแต่วันเลือกประธานสภาแล้ว

ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ นั้น คงหนีการหยุดปฎิบัติหน้าที่ไปไม่พ้น เมื่อถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นมีคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส. แต่จะลามถึงหยุดปฏิบัติหน้าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อยู่ที่ กกต. จะเสนอต่อศาลหรือไม่ ส่วนตนคิดว่า อยากให้นายพิธาได้มีโอกาสหลุดไปถึงวันโหวตเลือกนายกฯ เพื่อจะได้เห็นภาพตำตาตัวเองว่า ใครหักหลังและทรยศทางการเมืองกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ถ้านายพิธาไม่มีโอกาสได้เข้าไปโหวตเลือกนายกฯ แล้ว เมื่ออารมณ์ระอุไม่พอใจกับการถูกกลั่นแกล้ง มวลชนจะออกมาชุมนุมบนถนนหรือไม่ แต่ไม่ว่าอารมณ์แบบไหนก็หนีการชุมนุมไม่พ้น ดังนั้น ถ้าให้พิธา พิสูจน์ตัวเองก่อน ก็จะได้สะสางความคลางแคลงใจของสังคมให้เบาบางลง สิ่งสำคัญนายพิธา จะได้รู้ว่าตัวเองก็ผิดด้วยที่ไม่ล้างหุ้นไอทีวีจำนวน 4.2 หมื่นหุ้น ออกจากตัวเองก่อนไปสมัคร ส.ส. ยกเว้นคนออกแบบเกมต้องการไม่ให้นายพิธาพิสูจน์ตัวเอง ให้ไปต่อสู้ทางกฎหมาย จึงเป็นการคิดทางการเมืองให้เกิดชนวนการชุมนุมขึ้น

“ถึงที่สุดแล้วนายพิธา อุ๊งอิ๊ง และนายเศรษฐา ทวีสิน คงใม่ได้เป็นนายกฯ เพราะจะมีงูเห่าจำนวนมากเลื้อยแตกรังออกไปหนุนฝ่าย 188 เสียงตั้งรัฐบาล ดังนั้น คนเป็นนายกฯ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ แต่จะปกครองยาก เพราะคนจะออกมาชุมนุมเต็มบ้านเมือง คนคิดเกมออกแบบดัน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ช่วยรอเวลาอีกสักนิด และให้โอกาสนายพิธาได้เข้าประชุมโหวตนายกฯ ด้วย เพราะนายพิธาไม่มีทางได้เป็นนายกฯ อยู่แล้ว เพราะไม่ได้เสียง ส.ว. อย่างไรก็ตาม การให้โอกาสนายพิธา เท่ากับลดแรงชิงชังของมวลชนลงได้อย่างมาก”

ส่วน กกต. แขวน ส.ส. 71 คนเพื่อรอการตรวจสอบนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ทางการเมืองเพ่งเล็งไปที่การทำงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรมของ กกต. แต่ในจำนวน 71 คน จะต้องมีคนรอดและได้รับรอง ส.ส. จนครบ 475 คนหรือ 95% จากจำนวน 500 คน ก็สามารถเปิดสภาได้แน่ อีกทั้งขณะนี้ กกต. เอาแต่รำมวยไปเรื่อยๆ ให้ครบเวลา 60 วันตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้ (จะครบ 13 ก.ค.นี้) จึงถูกหลายฝ่ายเร่งรัดให้รีบรับรองผลการเลือกตั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลฟุ้งเดินหน้าศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

รัฐบาลมุ่งยกระดับการดำเนินงานในด้านการรักษาความปลอดภัยและนโยบายเกี่ยวกับด้านการบิน เดินหน้าประเทศสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

รัฐบาลตีปี๊บ มิ.ย.ลงทะเบียน 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์

​โฆษกรัฐบาลเผย OFOS สร้างคน ยกระดับ ศักยภาพคนไทย พร้อมลงทะเบียน มิ.ย.2567 ตั้งเป้ายกระดับคนไทยสร้างสรรค์ มีคุณภาพ 296,610 คน ภายในปีงบประมาณ 2567 ต่อยอดพัฒนา 20 ล้านคน ในเวลา 4 ปี