'สื่ออาวุโส' ผู้ตั้งชื่อหนังสือรู้ทันทักษิณ บันทึก 28 ข้อ มองมุมกลับในแง่บวก โลกสวย

24 ส.ค.2566 - นายเถกิง สมทรัพย์ อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ผมไม่ได้ใช้คำว่า “รู้ทันทักษิณ” มานานกว่า 15 -16 ปี (ทั้งๆที่ผมเป็นคนตั้งชื่อหนังสือว่า “รู้ทันทักษิณ” มาตั้งแต่ปี 2547) แต่วันนี้นึกอยากจะนำกลับมาใช้อีกสักครั้ง เพราะ

1 ผมเชื่อว่า คุณทักษิณจะกลับไปเข้าคุกอีกเมื่อออกจากโรงพยาบาล

2 คุณทักษิณคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนอย่างไม่มีทางเป็นอื่น

3 ถ้าคุณทักษิณไม่อยากกลับเมืองไทย คุณทักษิณไม่ทุ่มเททุกวิถีทางที่จะได้กลับมา

4 ครอบครัวอันเป็นที่รักของคุณทักษิณอยู่ที่นี่…ต่อให้มีเงินแสนล้านสามารถไปอยู่ที่ใดในโลกนี้หรือโลกพระจันทร์ได้ ครอบครัวชินวัตรก็จะยังคงอยู่เมืองไทย

5 คุณทักษิณอยากมีบั้นปลายชีวิตที่มีความสุขเหมือนคนวัยชราทั้งหลาย

6 การกลับบ้านอย่าง เท่ๆ คือ ความฝันบั้นปลายชีวิต

7 คุณทักษิณกลับบ้านได้…คุณทักษิณเป็นหนี้คนไทยอย่างน้อยๆคือ 10 ล้านคน

8 คนสิบกว่าล้านคนยังคงไว้เนื้อเชื่อใจคุณทักษิณเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยเข้าสภาหนาแน่น

9 แม้ก้าวไกลจะได้ไป 14 ล้านเสียง…แต่เราก็รู้กันดีว่า ก้าวไกล ไม่ต่างจาก ไฟท์ติ้งแบรนด์ ของเพื่อไทย

10 วันนี้คุณทักษิณได้กลับบ้าน..

11 คุณทักษิณต้องยอมจับมือกับพรรคทหาร

12 คุณทักษิณต้องยอมจับมือกับพรรค กปปส

13 คุณทักษิณต้องยอมจับพรรคก้าวไกลโยนออกไปอยู่ฝ่ายค้าน

14 คุณทักษิณใช้แต้มต่อทางการเมืองกลับบ้านอย่างเท่ๆ

15 แต่คุณทักษิณต้องยอมหลายเรื่องเพื่อได้กลับบ้าน

16 คุณทักษิณ ไม่ถูกจองจำให้เห็น

17 คุณทักษิณเข้าคุกวันเดียวก็ไปเข้าโรงพยาบาล

18 สิ่งต่างๆเหล่านี้คุณทักษิณอาจได้รับจากชนชั้นปกครองที่จัดให้

19 แต่คุณทักษิณต้องไม่ลืมประชาชน 10 ล้านหรือ 25 ล้านที่รวมคะแนนเทให้ชนะเลือกตั้งท่วมท้น

20 ถ้าคุณทักษิณไม่ชนะ…คุณทักษิณไม่ได้กลับแน่นอน

21 คุณทักษิณเป็นหนี้บุญคุณประชาชนหลายสิบล้านคนที่พาคุณทักษิณกลับบ้านผ่านการเลือกตั้งที่ชนะท่วมท้นเข้าสภา

22 ชัยชนะคือต้นทุนสำคัญที่ทำให้ได้กลับบ้าน

23 แต่ผู้คนในสายอำนาจอีกจำนวนมากก็ยินดีต้อนรับคุณทักษิณกลับมา

24 เวลานี้ วันนี้คุณทักษิณกลับบ้านและถูกมองว่าเป็น “โคตรซุปเปอร์วีไอพี” ใช้ความเป็นอภิสิทธิ์ชนเต็มที่เพื่อให้รอดพ้นความผิดที่ติดตัวมายาวนาน ยิ่งใช้ความเป็นอภิสิทธิ์ชนมากเท่าใด ยิ่งต้องเป็นหนี้พี่น้องที่รักและเลือกเพื่อไทยมามากเท่านั้น

25 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อผ่านขวากหนามชีวิตมาได้..คุณทักษิณจะไม่ลืมชาวบ้านตาดำๆที่เลือกและรักคุณทักษิณมาตลอดเวลา

26 กลับมาบ้านครั้งนี้ต้องตอบแทนบุณคุณแผ่นดิน ตอบแทนน้ำใจประชาชนที่มีให้คุณทักษิณมาตลอดเวลาที่อยู่เมืองไทยและในต่างประเทศ

27 ผมเชื่อว่าเมื่อถึงวัยนี้ เวลานี้ คุณทักษิณจะไม่ใช่ทักษิณคนเดิม แต่จะช่วยชาวบ้านสร้างสังคมที่ดีให้ลูกหลานคุณทักษิณกับลูกหลานชาวบ้านได้อยู่ร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่ดีงามเดียวกัน

28 ผมมองบวกโลกสวยอีกแล้ว เพราะอยากอยู่กับคุณทักษิณแบบสงบสุขสันติกันไปยาวๆ เหมือนพี่น้องคนไทยทุกคนที่คาดหวังกับนักการเมืองว่าจะใช้อำนาจ ประสบการณ์ และความตั้งใจดี ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่พลิกโผ! เพื่อไทย เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ 'สุริยะ-ยศชนัน-จุลพันธ์' 16 ธ.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย จำนวน 3 คนที่จะเปิดตัววันที่ 16 ธ.ค.ในกิจกรรม "ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้" ประกอบด้วย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์

รู้แล้วฝีมือใคร! จุดเริ่มต้นดรามา 'ซีเกมส์ 2025'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วิพากษ์วิจารณ์กันจนเป็นดรามา คือเรื่องพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

'จุลพันธ์' คุยโวเพื่อไทยพร้อมเลือกตั้งนานแล้ว อ้างคู่แข่งใช้อำนาจรัฐก็ไม่กังวล เชื่อมั่นประชาชนเป็นหลังพิงให้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ยุบสภาว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมนานแล้ว โดยยืนยันเราส่งผู้สมัครครบ 400 เขตแน่นอน ตอนนี้เราได้คัดเลือกผู้สมัครเกิน 300

เพื่อไทย เตรียมเปิดตัว 'สุริยะ-ยศชนัน-จุลพันธ์' เป็นแคนดิเดตนายกฯ

รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จำนวน 3 คนที่จะเปิดตัวในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ประกอบด้วย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เป็

นักวิชาการ มธ. มองเลือกตั้งหน้า ‘พรรคประชาชน’ โดดเดี่ยว อำนาจต่อรองไหลกลับเพื่อไทย

นักวิชาการธรรมศาสตร์วิเคราะห์ผลจากการยุบสภา ชี้สมการการเมืองหลังเลือกตั้งมีแนวโน้มทำให้พรรคประชาชนโดดเดี่ยว สูญเสียอำนาจต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่บทบาทต่อรองมีโอกาสไหลกลับไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ท่ามกลางการแข่งขันของการเมือง 3 ขั้ว