อดีตรองอธิการ มธ. ชี้ ‘ทักษิณ’ จากนี้ควรเข้าอยู่เรือนจำเท่าเทียมนักโทษคนอื่น

3 ก.ย.2566- รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้

การพระราชทานอภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตรโดยให้ลดโทษจำคุกเหลือเพียง 1 ปี เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยแท้  กระบวนการถวายฎีกาเพื่อขอพระราขทานอภัยโทษ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วในระดับรัฐบาล และทรงมีพระราชวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด อย่างที่เคยกล่าวแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยพระราชทานอภัยโทษให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีและต้องโทษด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้วหลายรายในช่วงแรกๆหลังจากการครองราชย์  และไม่ทรงโปรดให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดแต่ไม่เคยเป็นข่าว ซึ่งในระยะนั้นยังไม่มีผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 มากมายเหมือนในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจที่ทรงพระราชทานอภัยโทษโดยลดโทษให้คุณทักษิณเหลือเพียงการจำคุก 1 ปี

การที่คุณทักษิณได้รับการปฏิบัติเช่นบุคคลสำคัญ แตกต่างกับนักโทษปกติอย่างสิ้นเชิง ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูอยู่แล้ว เมื่อได้ยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษหลังกลับมาและถูกควบคุมตัวเพียงไม่กี่วัน และได้รับพระราชทานอภัยโทษโดยลดโทษ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ ทำให้ยิ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น หลายคนที่เคยต่อสู้เพื่อขับไล่ระบอบทักษิณถึงกับรู้สึกผิดหวัง ท้อแท้ หมดอาลัย ประกาศไม่ขอมีส่วนร่วมใดๆที่เกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป

ท่านที่มีความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง อยากให้ลองมองภาพใหญ่ของประเทศด้วยใจเป็นธรรม และต้องยอมรับว่าขบวนการพยายามเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์จนอาจถึงขั้นล้มล้างในปัจจุบันนั้นมีอยู่จริง ทั้งยังมีความรุนแรงและคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์มากยิ่งกว่ายุคใดๆ ลองนึกดูว่า หากเป็นตัวเราเองกำลังถูกคนหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งพยายามคุกคาม และต้องการให้มีการปลดเราออกจากตำแหน่งที่เราครองอยู่โดยชอบธรรมโดยเราไม่มีความผิดใดๆ เราจะงอมืองอเท้าให้พวกเขากระทำต่อเราโดยไม่ต่อสู้กันสักตั้งเลยหรือ

ในทางการเมือง การเจรจาต่อรอง ยอมเสียบางอย่างเพื่อได้สิ่งที่เป็นภาพใหญ่กว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา หากต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมืองอย่างแท้จริง ก็ต้องไม่พยายามไปคุกคามจนถึงขั้นล้มล้าง โดยอ้างว่าจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงสง่างาม เพราะการกระทำที่เราได้เห็นมาโดยตลอดไม่เคยเป็นการกระทำที่สร้างความสง่างามให้สถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใดเลย ตรงกันข้ามกลับเป็นการกระทำที่เหยียดหยาม ย่ำยี ดูหมิ่น หมิ่นประมาพระมหากษัตริย์ กันอย่างไม่ยั้งทั้งสิ้น เชื่อเถิดว่าพระองค์ท่านได้ทรงมีพระราชวินิจฉัยโดยรอบคอบเพื่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติในภาพรวมแล้ว จึงได้ทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะทรงมีพระราชประสงค์ให้ระบอบทักษิณกลับมาครอบงำประเทศอีกครั้ง แต่เป็นเพราะนี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์การปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางเลือกใดที่ดีพร้อมจนไม่มีผลลบแต่อย่างใดเลย เพราะนี่คือโลกแห่งความเป็นจริง

เมื่อคุณทักษิณได้รับพระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้ จากนี้ไปคุณทักษิณควรต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับนักโทษอื่นๆคือต้องกลับไปอยู่ในเรือนจำ เท่าเทียมกับนักโทษอื่นๆทันทีที่สุขภาพอำนวยให้ทำได้ และควรอยู่ในเรือนจำจนครบ 1 ปี โดยไม่ได้รับการลดโทษลงมากกว่านี้อีกไม่ว่าจะในโอกาสใดก็ตาม และพวกเราที่กำลังท้อแท้ก็ต้องมาช่วยกันจับตาดูรัฐบาลชุดนี้ให้ดี เพราะก็ต้องยอมรับว่าน่าเป็นห่วง และช่วยกันขุดคุ้ยว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ อย่างไร ซึ่งการที่จะหวังให้คุณทักษิณวางมือทางการเมืองโดยไม่ชักใยอยู่เบื้องหลังรัฐบาลชุดนี้คงยากกระทั่งเป็นไปไม่ได้

มีแต่คุณทักษิณยอมอยู่ในคุกอย่างเท่าเทียมกับนักโทษคนอื่นๆเท่านั้น ที่จะทำให้บ้านเมืองไม่วุ่นวาย ไม่มีเลือดตกยางออก และไม่นำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้ง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จากวังสราญรมย์ถึงตึกไทยคู่ฟ้า “ทูตปู”เลขาฯส่วนตัวทักษิณ สู่ตัวเต็งรมว.ต่างปท.คนใหม่

ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้ารัฐบาล และเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาแค่หนึ่งคืนก็เคาะออกมาแล้วว่าจะดัน ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตทีมงานหน้าห้อง นายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า สมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

งบ68ทร.ซื้อเครื่องบินลำเลียง “เรือดำน้ำ-ฟริเกต”ไปถึงไหน?

ฟันธงกันว่าปิดจ๊อบปรับคณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 2” ที่โรงแรมหรูกลางกรุงไปแล้ว โดยมี ทักษิณ ชินวัตร นั่งหัวโต๊ะคุยรอบสุดท้ายโดยไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน ว่ากันว่า โผนี้ชื่อของ เกรียง กัลป์ตินันท์ กับ สุทิน คลังแสง ยังเหนียว