'ทนายถุงขนม' ​อ้างคำวินิจฉัยศาลรธน. เปิดช่องยกเลิกคำสั่ง คสช.

'พิชิต-ที่ปรึกษาของนายกฯ' ​ ชี้ช่อง​ ยกเลิกคำสั่งคสช.​ อ้าง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 30/2563 สอดคล้อง​ รัฐธรรมนูญมาตรา 77 และ มาตรา 279 เปิดช่องยกเลิกกฎหมายที่หมดความจำเป็น

22 ก.ย. 2566 - นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจ เฟสบุ๊ค ​Dr.Pichit Chuenban ถึง ทิศทางการยกเลิกประกาศ หรือคำสั่งคสช. ที่ยังมีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน โดยมีเนื้อหา 5 หน้ากระดาษ เอ4

โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่ง​ ระบุว่า โดยแนวทางการพิจารณาทบทวนถึงความจำเป็น ความเหมาะสมของประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวสามารถใช้แนวทางตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่30/2563 เรื่อง ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 29/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงวันที่ 24 พฤษภาคม2557 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม

คำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว เป็นความผิด ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 4 มาตรา 26 มาตรา 27 และมาตรา 29 หรือไม่ มาเป็นหลักเกณฑ์ได้โดยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ​ ดังกล่าวนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้วางหลักการที่สำคัญประการหนึ่งว่า "การพิจารณากฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้นั้นย่อมต้องพิจารณาสภาพการณ์ของเหตุการณ์บ้านเมืองตลอดจนวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนในขณะที่มีการตรากฎหมายและในขณะที่ใช้บังคับกฎหมายประกอบกัน ทั้งนี้เมื่อยามที่บ้านเมืองปกติสุข การใช้ชีวิตของปัจเจกบุคคลย่อมแตกต่างไปจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เมื่อวันที่ 6 เมษายน2560 รัฐธรรมนูญได้รับรองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลไว้"

นายพิชิต ยังระบุอีกว่า​ กล่าวโดยสรุป การที่คณะรัฐมนตรีมีแนวทางที่จะทบทวนประกาศหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและหัวหน้าคณะรักษาความรักษาความสงบแห่งชาติที่ยังมีผลใช้บังคับในปัจจุบันที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองคุ้มครองไว้ โดยหลักการแล้วย่อมเป็นเรื่องที่ดี และมีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายแล้ว เพราะ

1 .รัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ที่บัญญัติว่า รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็น หรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตหรือการประกอบอาชีพ โดยไม่ชักช้า เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชน และดำเนินการให้ประชาชนเข้าถึงบทกฎหมายต่างๆ ได้โดยสะดวก และสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่าย เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง

2. สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

3. สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 วรรคแรก ตอนท้าย "...การยกเลิก หรือแก้ไขเพิ่มเติมประกาศหรือคำสั่งดังกล่าว ให้กระทำเป็นพระราชบัญญัติ เว้นแต่ประกาศ หรือคำสั่งที่มีลักษณะเป็นการใช้อำนาจทาง บริหาร การยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมให้กระทำโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี หรือมติคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘พิชิต’ เปิดตัวหนังสือ ‘ความยุติธรรมที่หล่นหาย’ เรื่องราวในอดีตที่ไม่อยากจำ

นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัย อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก #ความยุติธรรมที่หล่นหาย

'ภูมิธรรม' โหนศาลรัฐธรรมนูญเย้ย ปชน. ชาวบ้านยังรู้ถูกหลอกหรือไม่

'ภูมิธรรม' บอกประชาชนรู้ดีอะไรเป็นอะไร ปม MOA แก้รธน. ปชน.ถูกหลอกหรือไม่ ลั่น พท.จะแก้ให้เป็นประชาธิปไตยที่ดีกว่าเดิม

เอาแล้ว! 'พี่ศรี' ยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรง 'สุริยะ-อุ๊งอิ๊ง' เหตุเข้าถวายสัตย์มิบังควร

'ศรีสุวรรณ' ยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรง 'สุริยะ-อุ๊งอิ๊ง' เหตุเข้าถวายสัตย์มิบังควร หลังศาลรธน.สั่ง'แพทองธาร'หยุดปฏิบัตหน้าที่กรณีคลิปลุงฮุน แม้จะมีการโปรดเกล้าฯให้เป็น รมว.วธ. ยันจริยธรรมย่อมมีศักดิ์สูงกว่ามาตรฐานกฎหมาย ควรชลอเข้าถวายสัตย์ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะวินิจฉัย

‘อนุสรณ์’ ชี้ปม 44 สส. ไม่กระทบงานสภา

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกล ทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหา “ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”

'ความผิดสำเร็จ' ปมร้อนเพิ่มหมวด 15/1 'ปชน.-เพื่อไทย-วันนอร์' ขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.?

การประชุมร่วมรัฐสภาครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ซึ่งมีวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การแก้ไขมาตรา 256 และการเพิ่มหมวด 15/1 ต้องปิดประชุมไปโดยปริยาย หลังองค์ประชุมไม่ครบ มีผู้แสดงตนเพียง 175 คน จากสมาชิกทั้งหมด 620 คน