อดีตแกนนำพธม. พ้อกระบวนการยุติธรรม 'ทักษิณ' กลายเป็นอภิสิทธิ์ชน

19 ต.ค.2566 - นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) กล่าวถึงเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด คดีหมายเลขแดงที่ ล.5598/2566 กองบังคับคดีล้มละลาย 3 ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม หลังบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้ลูกหนี้ทั้ง 11 แกนนำพันธมิตรล้มละลาย โดยศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 12 ก.ย.2566 ให้พิทักษ์ทรัพย์ ว่า ประเทศนี้มันไม่มีความยุติธรรมอยู่แล้ว เราจะไปทำอะไรได้ อำนาจไม่ได้อยู่ที่เรา เขาไม่ได้มองว่าเราต่อสู้เป็นคดีการเมืองเขามองเป็นคดีอาญา ที่จริงคดีแพ่งต้องให้คดีอาญาสิ้นสุดก่อน ศาลไม่ควรจะพิจารณาคดีแพ่งในกรณีสนามบิน เพราะถ้าเกิดเราชนะคดีสนามบินขึ้นมามันจะยุ่งไปพิทักษ์ทรัพย์เรา ไปยึดทรัพย์เราก็จะต้องคืน ผมไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เท่าที่คุยกับนักฎหมายมันต้องสิ้นสุดคดีอาญาก่อน ตอนนี้ยังไม่สิ้นสุดเลย คดีอาญาที่สิ้นสุดตอนนี้คือคดีบุกทำเนียบติดคุกมาแล้ว

นายพิภพ กล่าวว่าต้องแยกเป็น 2 ประเด็น 1.ควรรอให้คดีอาญาสิ้นสุดก่อน คดีที่สิ้นสุดแล้วคือคดีบุกทำเนียบมีการฟ้องเป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายแต่จำไม่ได้กี่ล้านอันนี้แยกกัน 2.การต่อสู้ของแกนนำจุดมุ่งหมายทางการเมืองเขากลับไปทำเป็นคดีอาญา แต่เวลาฟ้องฟ้องว่าเป็นกบฏ เป็นผู้ก่อการร้ายเป็นคดีการเมือง ยกตัวอย่างเช่นคดีบุกทำเนียบตั้งข้อหากบฏ แต่เวลาตัดสินตัดสินแค่บุกรุกสถานที่เท่านั้นเอง ที่จริงแล้วเป็นคดีการเมือง

“อย่างที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ให้การครั้งสุดท้ายบอกเข้ามาเพื่อไม่ให้รัฐบาลคุณสมัคร ทำงานได้ก็เป็นคดีการเมือง และที่เราไปที่สนามบินก็ไม่ได้ไปปิดสนามบิน เราไปดักรอนายสมชาย นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นที่จะกลับจากต่างประเทศ ไม่ได้เข้าไปในอาคารสนามบิน ดิวตี้ฟรีหรือลานบินเลย เขาตั้งข้อกล่าวหาก่อการร้าย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสิน แต่มาตัดสินคดีแพ่งที่สนามบินฟ้องเรา ผมว่ากระบวนการนี้มันไม่ถูกต้อง ต้องให้เราแพ้คดีสนามบินก่อน” นายพิภพ เผย

อดีตแกนนำ พธม.กล่าวอีกว่า ประเด็นมีว่า ควรทำเป็นคดีการเมือง แต่นักการเมืองก็ดี ศาลก็ดี หรืออัยการก่อดีไม่ฟ้องเป็นคดีการเมือง ถ้าฟ้องเป็นคดีการเมืองคิดว่าเราหลุดหมด เพราะเราไม่ได้ทำความเสียหายอะไรและเรามีจุดมุ่งหมายทางการเมืองเท่านั้น กลับตาลปัตรกันหมดในกระบวนการยุติธรรมไทย เอาความเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นคดีอาญา ยังไม่ได้มีการตัดสินคดีก่อการร้ายเลยกลับมาฟ้องคดีแพ่งแล้วศาลให้อัยการชนะแล้วส่งต่อไปยังกรมบังคับคดีแล้วจะให้ทำอย่างไรได้ เราไม่ได้มีอำนาจอะไร

ส่วนแกนนำที่ถูกศาลพิทักษ์ทรัพย์ด้วยกันครั้งนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เราไม่ได้วิตกกังวลเพียงรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ต้องแยกให้ได้ว่าระหว่างคดีอาญากับคดีการเมืองมันสับสนกันอยู่ และคดีอาญาที่มาผูกอยู่กับคดีแพ่งก็ยังไม่สิ้นสุดแต่กลับมาบังคับคดีแพ่งเสียแล้ว ให้ไปคุยกับนักกฎหมายว่ามันถูกต้องไหม ผมเป็นจำเลยรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ควรทำคดีนี้เป็นคดีการเมืองกลับทำเป็นคดีอาญาและคดีก็ยังไม่สิ้นสุดกลับมาตัดสินคดีแพ่งก่อนแล้วประกาศพิทักษ์ทรัพย์

นายพิภพ ยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณผู้ต้องหาที่เขารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ เกือบ 2 เดือนแล้วว่า กระบวนการมันพิกลพิการในเรื่องกระบวนการยุติธรรม ผมไม่รู้จะไปโทษใคร คุณทักษิณกลายเป็นอภิสิทธิ์ชน อย่างที่ลูกสาวเขาบอกว่าเป็นนักโทษเทวดา ทุกองคาพยพของระบบไม่ทำงาน รัฐบาลก็ไม่ทำงานเพราะรัฐบาลเป็นพวกเดียวกันกับทักษิณ อัยการก็ไม่โต้แย้ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ปล่อยตามเลยหรือพูดง่ายๆคือรู้เห็นเป็นใจ