
การกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร แบบไม่ติดคุกสักวันจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ใช่การดีลกัน แม้ขณะนี้หลายฝ่ายคาดกันว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวเกินกว่า 11 พ.ค. 67 ซึ่ง สว.จะครบวาระ พร้อมเสนอแผนให้พรรคเพื่อไทยก้าวข้ามไปจับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลใหม่แทนที่ก็เป็นเพียงจินตนาการเพื่ออยากอยู่รอดเท่านั้น
23 ม.ค.2567-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ โดยระบุว่า เวลาขยับเข้าใกล้การแสดงถึงความโง่ที่สุดของการดีลเพื่อคนเดียวได้ประโยชน์ไม่ต้องติดคุก แต่ประเทศเสียหาย และกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองเสื่อมทรุดพังยับเยินเริ่มกลายเป็นชนวนก่อวิกฤตไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใหม่ในไม่ช้านี้
อีกทั้งกล่าวว่า การกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร แบบไม่ติดคุกสักวันจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ใช่การดีลกัน แม้ขณะนี้หลายฝ่ายคาดกันว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวเกินกว่า 11 พ.ค. 67 ซึ่ง สว.จะครบวาระ พร้อมเสนอแผนให้พรรคเพื่อไทยก้าวข้ามไปจับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลใหม่แทนที่ก็เป็นเพียงจินตนาการเพื่ออยากอยู่รอดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าคนออกแบบดีลไม่มีของอยู่ในมือเป็นเกราะป้องกันข้อตกลงแล้ว คงไม่กล้าตัดสินใจให้ทักษิณกลับบ้านและไฟเขียว สว.ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่งตั้งไปโหวตหนุนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ เมื่อ 22 ส.ค. 66 แน่นอน
อีกทั้งกล่าวว่า แม้ในดีลได้เศรษฐา เป็นนายกฯ และทักษิณกลับบ้านไม่ต้องติดคุกสักวัน ปล่อยให้พักอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยอ้างป่วย ซึ่งสังคมสงสัยว่าจริงหรือไม่ แต่ต้องแบกความกดดัน อับอาย ถูกประณามเป็นอภิสิทธิ์ชน สองมาตรฐาน แล้วยังย่ำยีกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นความเสียหายของประเทศ สิ่งนี้ล้วนมาจากการดีลกันเพื่อนักโทษคนเดียวได้กลับบ้านทั้งนั้น
พร้อมย้ำว่า สว.ลงชื่อเปิดอภิปรายทั่วไป โดยมี สว.จำนวนหนึ่งที่เคยโหวตนายเศรษฐา เป็นนายกฯ ลงชื่อร่วมอภิปรายฯ ด้วย จึงแสดงถึงความผิดปกติอย่างยิ่ง และสะท้อนว่า ทักษิณ กลับบ้าน ได้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ เป็นส่วนหนึ่งในหลักประกันจากการดีลกันทั้งสิ้น
“สิ่งเหล่านี้ ผมเห็นว่า จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงที่จะมีขึ้น ยิ่งโพลนิด้าสำรวจผลกระทบกับรัฐบาลเมื่อทักษิณยังอยู่ รพ.ตำรวจ ประชาชนร้อยละ 15 เชื่อจะเกิดผลกระทบ และอีกร้อยละ 11 คาดจะนำไปสู่วิกฤตการเมืองรอบใหม่ เพียงเท่านี้ก็เป็นสัญญาณอยู่ยากแล้ว”
นายจตุพร เชื่อว่า สถานการณ์วิกฤตจะลากลามไปเร็วมาก หาก 22 ก.พ.นี้ ทักษิณ ตัดสินใจขอพักโทษได้ออกจาก รพ.ตำรวจกลับบ้าน มีอิสระออกจากบ้านไปได้ทั่ว กทม. ซึ่งแตกต่างจากเงื่อนตามระเบียบราชทัณฑ์เปลี่ยนบ้านเป็นคุกจะออกจากบ้านไปไหนไม่ได้เลยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม กรณีทักษิณ ไม่ติดคุกสักวันนั้น เมื่อผสมกับช่องว่างการพักโทษ จึงต้องจับตาว่า อาจส่งผลให้เกิดชนวนประชาชนไม่พอใจมีมากน้อยเพียงไร แม้พยายามอธิบายการพักโทษถูกต้องตามระเบียบราชทัณฑ์ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงคือ ได้รับโทษติดคุกที่เหลือหนึ่งปีสักวันแล้วหรือไม่ แล้วยังมีข้อสงสัยการป่วยอยู่ รพ.ตำรวจจริงหรือไม่ มาซ้ำเติมให้เกิดอารมณ์เดือดดาลหนักขึ้นไปอีก
“ผมต้องการชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องความชิงชังหรืออคติ แต่จะปล่อยปละให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ไม่ได้ แม้ทั้งหมดเป็นการดีล ถ้าไม่มีขื่อแปแล้ว คำพิพากษาของศาลก็ไม่มีความหมาย ต่อไปฝ่ายบริหารจะเหนือกว่าฝ่ายตุลาการซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติของบ้านเมือง”
รวมทั้งเสนอทางออกว่า ยังมีทางที่สวยงามถ้าทักษิณติดคุก แล้วเดินทางไปกลับคุกกับ รพ.ให้คนเห็นก็ไม่เป็นที่ให้คนสงสัย อีกอย่างขณะนี้อยู่ รพ.มาถึง 153 วัน แต่ช่วงที่ผ่านมากว่า 140 วันญาติไม่ปรากฎว่าได้ไปเยี่ยมเลย
ตลอดจนกล้องวงจรปิด รพ.ยังเสียอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้การรักษาความปลอดภัยนักโทษไม่สมเหตุสมผลและน่าแคลงคลางใจอย่างมาก ดูเหมือนวันนี้สังคมไทยถูกทำให้ยอมรับการโกหกตลบตะแลงเป็นสิ่งที่กระทำได้เพื่อเอาตัวเองให้รอดเพียงคนเดียว ส่วนกระบวนการของบ้านเมืองเสียหาย พังยับเป็นทิวแถบ
นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยเดินเครื่องหักดิบผิดไปจากดีลที่ตกลงกันไว้ ก็จะเจอผลลัพธ์การลงโทษก่อนถึงวันที่ 11 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่ สว.หมดวาระในตำแหน่ง ดังนั้น จึงสะท้อนว่าการดีลไม่ได้เบ็ดเสร็จจนเรียบร้อยไปทุกสิ่งอย่าง โดยสังเกตุจากงบประมาณปี 67 ถูกดองเอาไว้จนถึงปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องแปลกของรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
“สิ่งนี้แสดงถึงผลการดีลว่า ให้เป็นรัฐบาล ได้นายกฯ แต่ไม่ให้ใช้เงิน นายเศรษฐา จึงต้องเป็นนายกฯ เซลล์แมนเร่ขายของ พยายามเดินสายขายแลนด์บริดจ์ให้ต่างชาติมาลงทุนร้อยเปอร์เซ็นต์เพื่อหาเงินมาบริหารประเทศ แต่ยังไม่มีสักชาติตอบรับการลงทุนเพราะหาจุดคุ้มทุนไม่เจอ อีกอย่างแม้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ คิดโครงการนี้ขึ้นมา แต่ทำไม่ได้จึงตกค้างมาถึงรัฐบาลเพื่อไทยให้สานงานต่อ”
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าแลนด์บริดจ์เป็นความเจริญของประเทศแล้ว ย่อมมีปัญหาว่า ใครจะมาลงทุนทำโครงการให้เกิดขึ้นเป็นจริง และไม่ใช่เรื่องของนักการเมืองต้องมาเถียงกันในสาระจุดคุ้มทุนที่รัฐบาลเพื่อไทยพยายามโหมกลบความจริงว่า ในขณะนี้ยังไม่มีคนมาลงทุน
นอกจากนี้ โครงการอื่นของรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่เกิดขึ้นเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งค่าแรงขั้นต่ำและการแจกเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังเป็นเพียงความพยายามหาเหตุมาโฆษณาหลอกหลบเอาตัวรอดจากสัญญาไม่เป็นสัญญาเท่านั้น
“ทั้งที่แท้จริงแล้วทำไม่ได้ และไม่ได้ทำกันจริง เพราะไม่กล้าเสนอให้ ครม.ออกเป็น พรก.กู้เงิน 5 แสนล้าน โดยพลิกลิ้นจากเคยประกาศหาเสียงไว้ไม่กู้เงินมากู้เงินเมื่อได้เป็นรัฐบาลแสดงถึงเสียความน่าเชื่อถือของนักการเมือง (อวดอ้างคิดใหม่ทำเป็น) ไปหมดสิ้น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงนโยบายซอฟพาวเวอร์ที่ยังหาฝั่งขึ้นไปทำโครงการไม่เจออีกด้วย”
พร้อมทั้งกล่าวว่า เมื่อรัฐบาลไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม จับต้องอะไรไม่ได้เลยสักชิ้น แม้ประชาชนยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ถ้าไม่ได้เป็นไปตามดีลที่ตกลงกันไว้ ซึ่งเวลาใกล้เข้ามาเต็มที โดยสังเกตุจากการขยับของสถานการณ์แต่ละฝ่ายอย่างน่าสนใจถึงการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายชนิดไม่คาดถึงมาก่อนเลย
นายจตุพร มั่นใจว่า เวลาทวงดีลเริ่มขยับตั้งแต่กุมภาพันธ์เพื่อไปปะทุแรงในมีนาคมนี้ เพราะคนออกแบบดีลไม่ต้องการให้ไปใกล้วันที่ 11 พฤษภาคม ที่ สว.หมดวาระ ซึ่งเป็นดีลเบื้องแรกของการกลับบ้านและแพ้เลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล ดังนั้น ถ้าไม่ทำตามดีลที่ตกลงกันไว้คงได้เห็นสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้นชนิดอย่ากระพริบตา
“เมื่อการดีลที่ประเทศไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงเป็นความโง่ที่สุดในความคิดที่เชื่อว่าฉลาด ได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จจากการดีล สิ่งที่น่าคิดคือ ควรได้รับคำยกย่อง แต่กลับถูกประณามทั้งแผ่นดิน ดังนั้นเหตุการณ์ใหม่จะมาถึงอย่างรวดเร็วและไม่นานจะได้ประจักษ์กัน”
ส่วนการตัดสินคดีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีถือหุ้นไอทีวีนั้น นายจตุพร คาดว่า นายพิธาจะรอดผ่านพ้นไปได้จากการยึดมั่นใช้หลักยุติธรรมตามกฎหมาย เพราะหากใช้หลักการเมืองไปจัดการแล้ว ยิ่งเท่ากับเร่งให้พรรคก้าวไกลเติบโตมากขึ้น
อีกทั้งเชื่อว่า พรรคก้าวไกลยังจะรอดจากคดียุบพรรคด้วยเช่นกัน เพราะการล้มล้างการปกครองและการแก้ ม.112 ยังไม่เกิดขึ้น ในทางกฎหมายจึงเท่ากับไม่มีการพิสูจน์ว่า เป็นความผิด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จบไม่สวยสักคน 'จตุพร' เตือนการเมืองแบบเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียนอย่างที่เห็น
'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย มาแบบไหน ไปแบบนั้น ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง
'จตุพร' ฟาด กกต.ขี้โม้ อวดจัดเลือกตั้งกลางสนามรบ แนะเลื่อนรับสมัครสส. ไปปีหน้า
'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง
เพื่อไทย ชูเครือญาติ 'ชินวัตร' นั่งแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1
"เพื่อไทย ชู "ยศชนัน" นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ชี้ไม่เป็นปัญหาถูกมองหนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร ลั่นเป็นโอกาส-จุดเด่น รับเป็นหน้าใหม่การเมือง เชื่อเวลา 2 เดือน ชนะใจปชช.ได้ พร้อมยัน ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา” ด้าน “สุริยะ” ยังมั่นใจ ถึงเป้า 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ประกาศพร้อมฝ่าด่านอำนาจรัฐ กระสุน กระแสชาตินิยม สู่ชัยชนะด้วยนโยบาย
'จตุพร' เตือน 'อนุทิน' ถ้าตามใจ 'ทรัมป์' กดดันไทยหยุดยิง ระวังจะถูกประชาชนขับไล่
ชายแดนไทย-เขมร ต้องไม่ปล่อยค้างคาใจอีก หนุนสู้รบให้จบก่อนเจรจาสันติภาพ ฟาด "อันวาร์" อย่าเผือก ชี้คนไทยแสดงความเห็น
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง

