31 ม.ค.2567 - เมื่อเวลา 14.00 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลขณะนั้น ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.45 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยสรุปว่า 1.การนำ ม.112 ออกจากหมวดความผิดเรื่องความมั่นคง เป็นความมุ่งหมายแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติไทย
2.การเสนอให้สิทธิ์โต้แย้งข้อเท็จจริงการการติชมโดยสุจริตไม่มีความผิด อาจนำไปสู่ผู้กระทำผิดใช้เป็นข้ออ้างว่าเข้าใจสุจริต ซึ่งย่อมทำให้ศาลต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง ย่อมต้องพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงถ้อยคำจะเผยแพร่ไปสู่สาธารณะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขัดกับรัฐธรรมนูญที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ
3.การเสนอให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้อง และเป็นคดีที่ยอมความได้ ทำให้กลายเป็นความผิดส่วนพระองค์ ไม่ใช่ความผิดของรัฐ ทั้งที่เป็นเรื่องกระทบจิตใจปวงชนชาวไทย
และแม้นโยบายที่เสนอกับ กกต. จะไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะแก้ ม.112 อย่างไร แต่ศาลถือเอาข้อมูลตามเว็บไซต์ของพรรคก้าวไกล จนถึงปัจจุบัน ที่อ้างร่างเก่าที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรไว้เมื่อเดือน มี.ค. 2564 ซึ่งศาลนำมาพิจารณาในครั้งนี้ ซึ่งแสดงเจตนาลดทอนการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ อีกทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่เหนือการเมืองและเป็นกลางทางการเมือง การที่มีพรรคการเมืองใช้นโยบายที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์สูญเสียความเป็นกลางทางการเมือง ส่งผลให้อาจเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย รธน.มาตรา 34 จำกัดการใช้สิทธิเสรีภาพต้องไม่กระทบต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี
ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไมใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง
‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม
คนเสื้อแดงกินแห้ว! ศาล รธน. ไม่รับวินิจฉัย ปม MOA 'ภูมิใจไทย-ปชน.'
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่นายนิยม นพรัตน์ (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 1) และนายณัฐพงษ์
ลุ้นกันยาวๆ 24 ธ.ค.ศาล รธน.นัดไต่สวนพยานคดี 'ภูมิธรรม-ทวี' จุ้นคดีฮั้ว สว.
ศาล รธน.นัดไต่สวนพยานคดีสถานะ 'ภูมิธรรม-ทวี' จุ้นคดีฮั้วเลือก สว. 24ธ.ค.นี้ พร้อมไม่อนุญาต 'สราวุธ' ถอนตัวจากการพิจารณาคดี
ตีตก 2 คำร้อง! ศาล รธน. ไม่วินิจฉัย MOA ตั้งรัฐบาลอนุทิน เหตุไม่มีหลักฐานชัดล้มล้างการปกครอง
ศาล รธน.ตีตกปม MOA "ณัฐพงษ์-อนุทิน" ให้ สส.ปชน-ภท. โหวตนายกฯ เหตุไม่มีหลักฐานชี้ชัดใช้สิทธิล้มล้างปกครอง เป็นการประกาศเจตจำนงร่วมทางการเมือง
'ราชทัณฑ์' พร้อมส่งตัว 'แส จิ้นเจียง' เจ้าพ่อพนันชเวก๊กโกให้รัฐบาลจีนดำเนินคดี
“ราชทัณฑ์” พร้อมส่งตัว “แส จิ้นเจียง“ ผู้ต้องหาชาวจีน เจ้าพ่อพนันชเวก๊กโกให้รัฐบาลจีนดำเนินคดี หลัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัย “พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ไม่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ระบุ อยู่ระหว่างรับประสานงาน “อัยการ-ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ“ ยืนยัน ผู้ต้องหาเป็นบุคคลสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคง ต้องดูแลความปลอดภัยเต็มที่ ป้องกันชิงตัวผู้ต้องหา
ระทึก! ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไต่สวนพยานบุคคลคดี 'ภูมิธรรม-ทวี' ใช้อำนาจแทรกแซง
ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไต่สวนพยานบุคคล คดี สว. ร้อง 'ภูมิธรรม-ทวี' ใช้อำนาจแทรกแซงการเลือก สว.โดยมิชอบ


