'ชวน' อบรม 'เศรษฐา' กลางสภาฯ นินทา-ทวงบุญคุณ!

4 เม.ย.2567 - เวลา 14.46 น. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ยังไม่ลดความรุนแรง รัฐบาลต้องให้ความสำคัญการแก้ปัญหา มีนโยบายชัดเจนในการแก้ปัญหา แต่การใช้ความรุนแรงไม่ช่วยให้แก้ปัญหาได้

ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ลงพื้นที่3 จังหวัดภาคใต วันที่ 29 มี.ค.2567 ไปบรรยายให้นักธุรกิจฟังเกี่ยวกับการสร้างธุรกิจ โดยระบุว่า “เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ลงพื้นที่ภาคใต้ 3 วัน 2 คืน ไม่เห็นมีใครใส่เสื้อเกราะหรือทหารใส่รถถังตามมา เพราะมั่นใจว่าไปด้วยเจตนารมณ์ที่ดี ไปด้วยความตั้งใจจริง เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มีสส.ที่นั่น ขออย่าไปเชื่อวาทกรรมที่มีผู้นำบางท่านพูดว่า เพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ สนามบินภูเก็ต พรรคเพื่อไทยไม่มีสส. แต่ลงทุนไปหลายหมื่นล้านบาท”

ขอฝากถึงนายกฯด้วยความเคารพ เมื่อเป็นนายกฯ อย่าไปคิดว่า มีสส.เพื่อไทยอยู่หรือไม่ หน้าที่นายกฯต้องไป ไปนิดเดียวอย่าทวงบุญคุณ ก่อนหน้านี้ที่นายกฯไปภูเก็ตเพราะมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของนายกฯอยู่ที่นั่น สิ่งที่อยากบอกคือ ภูเก็ตเป็นเมืองทำรายได้ท่องเที่ยวอันดับ1 รองจากกทม. ต้องช่วยพัฒนา เพราะรายได้คือภาษีที่มาเลี้ยงพวกเรา

นายชวน กล่าวว่า กราบเรียนนายกฯเศรษฐาที่ไม่ใช่นายกฯอีแอบว่า คำพูดที่ท่านว่า ผู้นำบางคนพูดว่า เพื่อไทยไม่เคยให้ความ สำคัญภาคใต้นั้น เอามาจากไหน ตนไม่เคยพูด แต่เคยพูดในวันแถลงนโยบายว่า ภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ และคนเลือกปฏิบัติก็พูดตรงไปมาว่า เมื่อเราได้รับเลือกมาจากประชาชน ก็ต้องพัฒนาจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยก่อน คนที่พูดคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการเลือกปฏิบัติ

ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประท้วงทันทีเพราะพูดพาดพิงถึงคนนอกที่ไม่มีสิทธิมาชี้แจง เพราะพูดถึงนายทักษิณในทางเสียหายเรื่องการเลือกปฏิบัติในภาคใต้ ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้อภิปรายอยู่กรอบด้วย

ทำให้นายชวนโต้กลับทันทีว่า “ไม่มีใครอยู่ในกรอบเท่าผม” ซึ่งนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ขอความร่วมมือนายชวนหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก

ก่อนที่นายชวนอภิปรายต่อไปว่า ยืนยันว่า ในวันแถลงนโยบายรัฐบาลไม่เคยพูดว่า เพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ แค่พูดถึงการเลือกปฏิบัติทำให้เสียโอกาส และขอให้รัฐบาลช่วยชดเชยการเสียโอกาสอันเกิดจากการเลือกปฏิบัติเท่านั้น แต่จนถึงทุกวันนี้การชดเชยก็ยังไม่มี

“ผมไม่ใช่คนพูดพล่อยๆ ในชีวิตการเมืองมาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่คนพูดบ่อย พูดพล่อย พูดบ้าน้ำลายรายวัน พูดอะไรเป็นเรื่องจริง และรับผิดชอบ ถ้านายกฯข้องใจอะไรที่ผมพูดกระทบ เมื่อท่านไปเข้าใจผิดและพูดกระทบผมก็ไม่ได้โกรธเคือง แต่สิ่งที่ท่านพูดไป คนฟังมีความรู้สึกทำไมนายกฯต้องมานินทานายชวน หลีกภัย” นายชวน กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพื่อไทยแปดริ้ว ดัน ‘โจ๊ะ’ พันธุ์พงศ์ ชิง สส.เขต 2

สนามเลือกตั้ง เพื่อไทยแปดริ้ว “เฮียเน้า” สมชัย อัศวชัยโสภณ ดันลูกชาย “โจ๊ะ” พันธุ์พงศ์ ชิงพื้นที่ เขต 2 จ.ฉะเชิงเทรา อ้อนคนในพื้นที่ขอชนะใจด้วยการทำงาน เชื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ไม่ประมาทคู่แข่ง

พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (31)

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475