บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ประกาศเป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรที่มั่นคงและยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียน Stable and Sustainable ASEAN Leader ภายใต้ “PASSION 2025” นอกจากแผนด้านธุรกิจแล้ว ไทยเบฟเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วยการให้ความสำคัญต่อการดูแลเอาใจใส่พนักงานกว่า 62,000 คน ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างดี ด้วยความเชื่อว่า “ทรัพยากรบุคคล” เป็นฟันเฟืองสำคัญส่งผลให้องค์กรเติบโตบรรลุความสำเร็จตามธงที่ตั้งไว้
จากความมุ่งมั่นดังกล่าว ไทยเบฟได้รับรางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2021 (Thailand Edition) สุดยอดองค์กรดีเด่นที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชียต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และรางวัล We Care : HR Asia Most Caring Companies Awards 2021 สุดยอดบริษัทใส่ใจพนักงาน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในเวที HR Asia Awards 2021 เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จ สะท้อนความการมอบความสุข การดูแลเอาใจใส่ และสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพนักงานไทยเบฟ

ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า ปัจจุบันไทยเบฟมีพนักงาน 62,000 คน แบ่งเป็นบุคลากรไทย 46,000 คน ที่เหลือเป็นชาวต่างประเทศในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม จีน ฮ่องกง จากการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจเครื่องดื่มและการลงทุนธุรกิจอาหาร การประกาศวิสัยทัศน์ PASSION 2025 เป็นพลังสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง และค้นหาวิธีทรานสฟอร์มองค์กรอย่างรวดเร็วให้สำเร็จสู่ตำแหน่งผู้นำอาเซียน ซึ่งต้องพัฒนาและเตรียมความพร้อมเรื่องบุคลากร เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่ไทยเบฟคว้ารางวัลในงาน HR Asia Awards 2021 ถึง 2 รางวัลด้วยกัน รางวัลแรก HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2021 และรางวัล We Care : HR Asia Most Caring Companies Awards 2021 จาก HR Asia จากการสำรวจบริษัทในไทยเกือบ 300 บริษัท ด้วยผลคะแนนความผูกพันพนักงานระดับเป็นเลิศ และการเยี่ยมชมบริษัท นอกจากนี้ ปี 2563 ไทยเบฟเป็นหนึ่งในบริษัทไทยติดท็อปเท็นที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุดจากการสำรวจล่าสุดของ HR Asia และ Work Venture
สำหรับ PASSION 2025 ภายใต้การนำของ ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ปี 2025 วางเป้าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรที่มั่นคงและยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียน ปี 2030 เป็นองค์กรที่ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง และปี 2050 เป็นองค์กรที่พร้อมจะเติบโตไปกับพนักงานจบการศึกษาสามารถพัฒนาตัวเองและทำงานนำศักยภาพของไทยเบฟมีอยู่ก่อให้เกิดมูลค่าสูงสุดจนถึงอนาคตข้างหน้า ปัจจุบันมีพนักงานเจนเนอเรชั่น Y และเจนเนอเรชั่น Z ร้อยละ 61 พนักงานเจนเนอเรชั่น X ร้อยละ 32 และกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ร้อยละ 7

ความท้าทายในการบริหารพนักงานในยุคนี้ ดร.เอกพลเผยเป็นการดึงศักยภาพของบุคลากรออกมาให้มากที่สุด และสร้างความผูกพันพร้อมเติบโตไปกับองค์กร ซึ่งไทยเบฟสร้างวัฒนธรรมองค์กรเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ร่วมทำงานในโปรเจ็คใหม่ๆ เป็นโอกาสในการเติบโต ไม่ว่าอายุมากหรือน้อยสามารถประสบความสำเร็จได้ ทั้งยังชูแนวคิด War ประกอบด้วย W-Willing มีความตั้งใจ มุ่งมั่นในการทำงาน ยึดความสำเร็จมาสู่องค์กรเป็นตัวตั้ง, A-Able ability พนักงานมีความรู้ความสามารถ เรียนรู้งานได้ และ R-Readiness ความพร้อมในการทำงาน
เมื่อถามว่า คุณสมบัติของคนทำงานที่ไทยเบฟต้องการตัวคืออะไร ดร.เอกพล ตอบว่า คีย์เวิร์ดแรก Collaboration การทำงานร่วมกัน มีความเข้าใจในตนเองและผู้อื่น Creating Values คนที่สนใจทำประโยชน์ สร้างคุณค่า และ Caring for Stakeholders การเอาใจใส่ต่อคนรอบข้าง หากมีครบ 3 สิ่งนี้ตรงกับดีเอ็นดีไทยเบฟ

ส่วนแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์วิสัยทัศน์ธุรกิจพัฒนาคนเคียงคู่องค์กร ดร.เอกพล กล่าวถึงแพลตฟอร์ม Business-Technology-People ว่า ธุรกิจในโลกแห่งการแข่งขันต้องช่วยกันทำงานแข่งกับประเทศอื่นตลอดเวลา ไทยเบฟอยากเป็นความภาคภูมิใจของอาเซียน การดึงความเอกภาพของอาเซียนออกมาให้คนทั่วโลกทึ่ง เป็นแง่มุมธุรกิจที่จะทำให้เกิดขึ้น ด้านเทคโนโลยีไม่ใช่แค่ไอที แต่นำกรีนเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจมองไปข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีนำมาสู่การปรับและเตรียมพร้อมให้คนใช้เทคโนโลยีได้อย่างดี ส่วนองค์กรที่จะมีประสิทธิผล ต้องเปลี่ยน Mind set เฟ้นหารูปแบบคนที่จะประสบความสำเร็จ และมีพาร์คเนอร์กว้างขวางขึ้น รวมถึงการทำงานในรูปแบบใหม่ไม่ติดกับโครงสร้างองค์กร มีรางวัลแบบใหม่ๆ ให้กับเพื่อนพนักงานในทุกเจน
จากสถานการณ์โควิด-19 ตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมา จนมาสู่การระบาดสายพันธุ์ “โอมิครอน” ดร.เอกพล กล่าวว่า ล่าสุดไทยเบฟออกนโยบายทุกคนยกการ์ดสูงสุดจนถึงเดือนมกราคม ปี 2565 พนักงานทำงานที่สำนักงานต้องตรวจ ATK ทุก 7 วัน ก่อนหน้านี้ ดูแลพนักงานทุกคนให้ได้รับการป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างดีที่สุด ควบคู่กับการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ เปิดโอกาสให้พนักงานทำงานได้จากที่บ้านอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพให้เกิดความต่อเนื่องของธุรกิจ จัดให้มีระบบลงทะเบียนดิจิทัลทุกวันเพื่อความปลอดภัยแก่พนักงานและคนรอบข้าง ทำประกันภัยความเสี่ยงจากโรคโควิดให้แก่พนักงานทุกตำแหน่งงาน ดูแลไปถึงครอบครัวให้พนักงานรู้สึกอุ่นใจ และการสนับสนุนการฉีดวัคซีนร่วมกับภาครัฐ รวมถึงวัคซีนทางเลือก

การบริหารบุคลากรยุคโควิดและยุคดิจิทัล ทำให้ทักษะ หรือ skill ที่มีอยู่อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป การ Upskill และ Reskill เป็นสิ่งสำคัญ ดร.เอกพล บอกว่า เราเตรียมการเพิ่มทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหรือ Digital literacy ไม่เฉพาะทีมไอทีเท่านั้น รวมถึงเพิ่มทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบไม่ว่าจะทำตำแหน่งไหน ถัดมา Growth Mindset คือ กรอบความคิดพยายามเรียนรู้พร้อมที่จะเติบโต นอกจากนี้ การใส่ใจความแตกต่างเชิงวัฒนธรรม เพราะธุรกิจของเราขยายสู่อาเซียน หากมีทักษะเหล่าพนักงานจะประสบผลสำเร็จในการทำงาน ก่อเกิดประโยชน์ต่อองค์กร ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยมีงบประมาณสนับสนุนด้านนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทต่อปี
เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนงานบ่อยของคนรุ่นใหม่ ดร.เอกพล กล่าวว่า ไทยเบฟมีอัตราการลาออกของพนักงานต่ำ ด้วยเป็นองค์กรที่มีความเพียบพร้อมด้านธุรกิจ มีสภาพแวดล้อมที่ดี และมีการเทรนด์คนต่อเนื่อง ประกอบกับคัดเลือกคนที่อยากทำงานกับองค์กรยาวนาน แรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่ไม่ย้ายงาน คือ ให้ความสำคัญกับการเติบโตในงาน และเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมความผูกพันของคนในองค์กรและนอกองค์กร รวมถึงให้คนรุ่นใหม่ได้ค้นหาศักยภาพตัวเอง ได้ทำงานที่แตกต่างบนพื้นฐานความยั่งยืน

กลุ่มไทยเบฟยังผลักดันแนวความคิดโอกาสไร้ขีดจำกัดในมิติต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ศักยภาพคนรุ่นใหม่ หนึ่งในโครงการสำคัญ ThaiBev ASEAN Internship Program เป็นโครงการฝึกงานในรูปแบบปฏิบัติงานจริงตามสายงานระยะเวลา 2 เดือน มีโปรแกรมอบรมและกิจกรรมเพื่อสังคมสำหรับนักศึกษาทั่วอาเซียน ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการกว่าหนึ่งพันคนแล้ว เป็นการสร้างประสบการณ์สู่การทำงานแบบมืออาชีพและเพิ่มโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของคนเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ
ทั้งหมดนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพความแข็งแกร่ง และการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเพื่อรับมือกับเทรนด์โลกสู่กลไกการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรที่มั่นคงและยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียน Stable and Sustainable ASEAN Leader ภายใต้ PASSION 2025 พร้อมกับการ สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไทยเบฟ'หนุนช้างศึกชิงเจ้าอาเซียน เปิด'อะคาเดมี่'เป็นสนามซ้อม ตั้งเป้าคว้าทองซีเกมส์2025
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” ผู้สนับสนุนหลักวงการฟุตบอลไทยมากว่า 25 ปี มุ่งมั่นสร้างรากฐานความยั่งยืนของกีฬาในทุกมิติ ตั้งแต่ระดับเยาวชน ผ่านโครงการต่างๆ พร้อมถ่ายทอดแนวคิด Sportsmanship เพราะ มากกว่ากีฬา คือ น้ำใจนักกีฬา พร้อมส่งทัพช้างศึกฟุตบอลทีมชาติไทยชุด U-23 และสนับสนุนสนามซ้อม “ไทยเบฟ ฟุตบอล อะคาเดมี่” ตั้งเป้าทวงบัลลังก์แชมป์ในการแข่งขันมหกรรมกีฬา “ซีเกมส์” ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดย “ไทยเบฟ” ร่วมผลักดันและพัฒนาวงการกีฬาของไทยบนเวทีนานาชาติ ในฐานะ Official Bronze Sponsor
"ไทยเบฟ" ได้รับรางวัลในสาขาความเป็นเลิศด้านผู้นำ และความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน จากเวที TMA Excellence Awards 2025
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลระดับ Distinguished สาขาความเป็นเลิศด้านผู้นำ (Leadership Excellence Award) และ สาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
“ผ้าห่มผืนเขียว” สัญลักษณ์ของรอยยิ้ม และความอบอุ่น สู่สังคมแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน
ส่งท้ายการเดินทางของคาราวาน “ผ้าห่มผืนเขียว” โครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ปีที่ 26 ที่ได้ออกเดินทางส่งมอบรอยยิ้ม และความอบอุ่นครอบคลุมพื้นที่ 15
ไทยเบฟ ระดมจัดส่งน้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ช่วยเหลือผู้ประสบมหาอุทกภัย อย่างต่อเนื่อง
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ”) ร่วมส่งน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบมหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง โดยผสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเร่งระดมความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
หายหนาว รับไออุ่น "ผ้าห่มผืนเขียว" จาก โครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว” ปี 26
นับเป็นเวลา 26 ปี ที่คาราวาน "ผ้าห่มผืนเขียว" ใน “โครงการไทยเบฟ..รวมใจต้านภัยหนาว" ได้ออกเดินทางส่งมอบรอยยิ้ม และความอบอุ่นไปยังพี่น้องผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ห่างไกล


