เอาแล้ว! เปิดความเห็น กมธ.นิรโทษฯ ส่วนใหญ่หนุนล้างผิดมาตรา 112

เปิดผลความเห็น กมธ.ศึกษานิรโทษกรรม พบรวมแล้วให้ล้างผิด 112 มากกว่าไม่เห็นด้วย 2 เสียง ยื่นสภาสัปดาห์นี้

31 ก.ค.2567 - มีรายงานจากรัฐสภาว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธาน กมธ.จะส่งเอกสารรายงานผลการศึกษา-ข้อสรุปของคณะ กมธ.ต่อประธานสภาภายในสัปดาห์นี้ หลังจากเลื่อนมาเมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.ค. เพื่อให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของสภาต่อไป หลังจากคณะ กมธ.ซึ่งตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมสภาเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ใช้เวลา 19 สัปดาห์ในการศึกษาการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ซึ่งประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจมากที่สุด คือ คณะกรรมาธิการที่มีตัวแทนจากหลายพรรคการเมืองทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงบุคคลภายนอกเช่นนักวิชาการ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการให้มีการนิรโทษกรรมคดี 112

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ คณะ กมธ.ใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการหารือเรื่องว่า ควรจะมีข้อเสนอหรือความเห็นของ กมธ.ต่อการนิรโทษกรรมคดี 112 อย่างไร แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปเป็นมติของ กมธ.ได้ เพราะกมธ.มีความเห็นแตกต่างกัน แม้แต่ กมธ.ที่มาจากพรรคเดียวกัน ก็ยังเห็นต่างกัน ทำให้ต้องมีการให้ กมธ.แต่ละคนแสดงความเห็นแบบรายบุคคล แล้วให้บันทึกไว้ว่า กมธ.แต่ละคนเห็นอย่างไร ที่ความเห็นดังกล่าวได้ถูกบันทึกไว้ในรายงานผลการศึกษาดังกล่าวที่จะเสนอต่อสภา โดยแบ่งความเห็นออกเป็นสามฝ่ายคือ เห็นว่าไม่ควรนิรโทษกรรม,เห็นควรมีการนิรโทษกรรม และควรมีการนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข

ที่น่าสนใจคือ ผลการประชุม กมธ.นัดสุดท้าย เมื่อ วันที่ 25 ก.ค. คณะกมธ.ที่มี 36คน ไม่รวมนายชูศักดิ์ ในฐานะประธานและคณะกรรมาธิการถอนตัวไปหนึ่งคน (นางอังคณา นีละไพจิตร ลาออกไปเป็น สว.) ทำให้เหลือ จำนวน 34 คน ผลการออกความเห็น แต่ไม่มีการโหวตได้ผลดังนี้ ไม่นิรโทษ 112 จำนวน 13 เสียง, นิรโทษ 112 จำนวน 3 เสียง และนิรโทษ 112 แบบมีเงื่อนไข เช่น ห้ามกระทำผิดซ้ำ จำนวน 12เสียง ซึ่งหากดูจากเสียงดังกล่าว เท่ากับว่า แม้จะไม่มีการโหวต แต่เสียงส่วนใหญ่คือ 13 เสียงไม่เห็นด้วยกับการให้นิรโทษกรรมคดี 112 และคดี 110 แต่ถ้านำความเห็นที่ว่าให้นิรโทษ 112 จำนวน 3 คนบวกกับ ให้นิรโทษแบบมีเงื่อนไข 12 คน ก็จะเท่ากับว่า มีกมธ.เห็นด้วยให้นิรโทษคดี 112 จะเท่ากับ 15 เสียง

ด้านนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เปิดเผยว่า ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งสามคนมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ที่จะไม่เห็นชอบให้มีการรวมนิรโทษกรรมคดี ม.112 และ ม.110 ได้แก่ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร ,นายเจือ ราชสีห์และตนเอง

“ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เห็นด้วยที่จะรวมคดีอ่อนไหวทางการเมืองอย่าง ม.112, ม.110 ในการนิรโทษกรรม ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้1. ปัญหาเชิงคุณภาพ ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตั้งต้น ที่จะต้องการสร้างความปรองดองสังคม เพราะอาจเป็นการสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่ 2.ปัญหาเชิงปริมาณ ในแง่ของจำนวนคดีม.112 คิดเป็นจำนวนน้อย ไม่ถึง 2% เทียบกับคดีทั้งหมด แต่อาจทำให้การนิรโทษกรรมคดีที่เหลือ 98% มีปัญหาได้ 3.กระทำผิดซ้ำ มีโอกาสในการกระทำผิดซ้ำสูง หลังการได้รับนิรโทษกรรม ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมถอย 4.คดีลักษณะเฉพาะ คดีม.112, 110 เป็นคดีลักษณะเฉพาะพิเศษ ไม่สามารถแก้โดยนิรโทษกรรมได้ คล้ายกับความผิดต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คดีม.135 ควรให้เป็นการพระราชทานอภัยโทษเป็นรายกรณีไป คณะกรรมาธิการฯ ศึกษาแนวทางทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ได้มีมติสุดท้าย ใช้กระบวนการผสมผสานนิรโทษกรรมโดยกรอบกฎหมาย ร่วมกับการมีคณะกรรมการ คอยวินิจฉัยและอุทธรณ์”

นายพงศ์พลเผยว่า ความเห็นคณะ กมธ.นิรโทษกรรม แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง โดยเป็นการบันทึกความเห็นอย่างมีอิสระ ไม่มีการโหวต ผลความเห็นล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 67 ไม่นิรโทษ112 จำนวน 13เสียง นิรโทษ112 จำนวน 3 เสียง- นิรโทษ112 โดยห้ามกระทำผิดซ้ำ จำนวน 12 เสียง

“โดยผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ เตรียมยื่นให้ประธานสภาในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาบรรจุเข้าในวาระการประชุมสภา ในลำดับต่อไป ฝากถึงพี่น้องคนไทยที่รักสถาบัน และเชื่อมั่นในความถูกต้อง ติดตามเรื่องนี้ไปด้วยกันอย่างใกล้ชิด”นายพงศ์พล กล่าว

อนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ที่ กมธ.เห็นว่าเป็นคดีละเอียดอ่อน เช่นเดียวกับคดี 112 มีบทบัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี” ส่วนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รทสช. เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ ชูสโลแกน เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค แถลงนโยบายพรรค พร้อมเปิดสโลแกนพรรค “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ” และเปิดแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ได้แก่ นายพีระพันธุ์ นายอรรถวิชช์ และนายนราพัฒน์

'รทสช.' เตรียมเปิดตัว แคนดิเดตนายกฯ-นโยบายพรรคชุดแรก 22 ธ.ค.นี้ 

พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เตรียมแถลงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนโยบายชุดแรก ในวันที่ 22 ธ.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการพรรค

รทสช. ปลุกว่าที่ผู้สมัคร สส. ยึดความซื่อสัตย์ ต้องไม่ก้มหัวให้นายทุน

รทสช. ปลุกใจว่าที่ สส. ต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจประชาชน ยึดความซื่อสัตย์ ไม่ก้มหัวให้นายทุน-ระบบซื้อเสียง ตั้งเป้าฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ปลดล็อกข้อพิพาทที่ดินให้เกษตรกร

รทสช. ติวเข้มผู้สมัคร สส. ชูนโยบายปราบสแกมเมอร์ ปิดฉากรบสยบเขมร

รทสช. พร้อมลุยเลือกตั้ง "พีระพันธุ์" นำเวิร์กช็อป ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั่วประเทศ ย้ำจุดยืน ‘เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ’ ปิดฉากรบสยบเขมร ปราบทุจริต-สแกมเมอร์ ลดค่าไฟ-น้ำมัน เสริมเศรษฐกิจฐานราก สร้างเงินให้เกษตรกร

อดีตนักบินขับไล่ เชียร์ทัพฟ้า เร็ว-รุนแรง-เด็ดขาด จบเกมรบกัมพูชา สร้างขวัญกำลังใจ ปชช.

‘กัปตันตุ้ย- ปุญณัฐส์’ เชียร์ ‘ทัพฟ้า’ จบเกมรบกัมพูชา ‘เร็ว-รุนแรง-เด็ดขาด’  แนะผนึก 3 เหล่าทัพเปิดปฏิบัติการ ‘ยึดจุดสำคัญก่อนเจรจา’ เร่งปิดฉากสู้รบภายในสิ้นปี สร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน

รทสช. ออกแถลงการณ์ ชี้แก้รัฐธรรมนูญ-ยุบสภา ซ้ำเติมวิกฤตประเทศ

“รวมไทยสร้างชาติ” ออกแถลงการณ์ ชี้ยุบสภาซ้ำเติมวิกฤต ไม่เกิดประโยชน์ประเทศ สะท้อนให้ความสำคัญการเมืองกว่าความเดือดร้อนประชาชน รทสช. พร้อมพาฝ่าขัดแย้ง ส่งผู้สมัครครบ 77 จว.