'จตุพร' รู้ทัน 'ทักษิณ' ขอเดินทางออกนอกประเทศ เพราะไม่มั่นใจสถานการณ์!

3 ส.ค.2567 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รายงานผลบสอบสวนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ รพ.ตำรวจ ได้เอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวห้องพิเศษ ซึ่งให้สิทธินักโทษเหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ

อีกทั้งระบุถึงรายงานของ กสม.ระบุว่า ทักษิณ ได้สิทธิรักษาตัวห้องพิเศษชั้น 14 รพ.ตำรวจ นานถึง 181 วัน โดยไม่ต้องนอนคุกสักวัน เข้าข่ายเลือกปฏิบัติขัดหลักสิทธิมนุษยชน และเชื่อว่า เป็นการกระทำผิดตามหน้าที่ กสม.จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ไต่สวนดำเนินการตามหน้าที่

“ถ้า ปปช.ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นการกระทำผิดจริงต้องส่งเรื่องให้อัยการเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตกับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ รพ.ตำรวจ โดยพ่วงทักษิณ เข้าเป็นจำเลยด้วย”

นายจตุพร กล่าวว่า ขอให้จับตาดูผลการสอบสวนของแพทยสภาที่ยื่นสอบสวนแพทย์ 4 คนจาก รพ.ราชทัณฑ์และ รพ.ตำรวจ ที่วินิจฉัยอาการป่วยของทักษิณอยู่ในภาวะวิกฤตรุนแรง หากทำหน้าที่ขัดต่อหลักจริยธรรมทางการแพทย์อย่างร้ายแรงแล้ว ย่อมเป็นเหตุผลประกอบให้รู้ว่า ทักษิณป่วยจริงหรือไม่

รวมทั้งกล่าวว่า ทักษิณถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยยอมรับในกระบวนการยุติธรรมและได้กระทำความผิดจริง พร้อมสำนึกการกระทำในคดีทุจริตแล้ว จึงแสดงถึงคำสารภาพด้วยตัวเอง ดังนั้น พวกนางแบก นายแบกต้องเข้าใจในสิ่งนี้ เพราะไม่มีใครใส่ร้าย กล่าวหา แต่ทักษิณสารภาพเองทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ภายหลังได้รับการพักโทษแล้วไปพูดว่าถูกยัดข้อหา แต่ทั้งหมดคนไทยมองตากันปริบๆ เมื่อทักษิณออกจาก รพ.ตำรวจ กลับไปบ้านได้หายป่วยเจียนตายฉับพลัน จากนั้นไม่กี่วันก็เดินทางขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปอีสาน ตีกอล์ฟ ร้องเพลง โดยไร้ร่องรอยคนป่วยขั้นวิกฤตนอนรักษาตัวนานถึง 6 เดือน

นอกจากนี้ ยังขออนุญาตศาลอาญาออกนอกประเทศอ้างไปรักษาตัวที่ดูไบ แต่ถูกปฏิเสธคำร้อง ดังนั้น การขอเดินทางออกนอกประเทศมองอีกมุมได้ว่า ทักษิณไม่มั่นใจสถานการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น จึงอาจหลบไปตั้งหลักรอดูการเมืองในเดือนสิงหาคมที่ส่อเค้าร้อนแรงขึ้น โดยมีปัจจัยจาก ศาล รธน.ตัดสินยุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 สิงหาคม และถัดจากนั้น 14 สิงหาคม นัดตัดสินชี้ชะตาตำแหน่งนายกฯ ของนายเศรษฐา เป็นส่วนประกอบอุณหภูมิร้อนเดือดช่วงหน้าฝนตกถี่ๆ

ส่วนประชาชนเรียกร้องให้ลงถนนชุมนุมประท้วงรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ควรรอให้สถานการณ์เป็นตัวนำพา ไม่ใช่ใช้อารมณ์นำทางไปถนน โดยต้องรอให้พี่น้องทุกฝ่ายสลัดความรู้สึกส่วนตัวออกไป แล้วยึดมั่นความรักชาติบ้านเมืองมาเป็นตัวตั้ง และมองเห็นความเสียหายกับประเทศ พร้อมยึดถือเป็นหน้าที่

"เราไม่มีเป้าประสงค์อย่างอื่นเลย เราไม่มีเรื่องส่วนตัวใดๆ กับนายเศรษฐา ทวีสินและทักษิณ ชินวัตร หรือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่การกระทำทั้ง 4 โครงการ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ตถ้าจะแจกแล้ว ต้องแจกเป็นเงินสดสถานเดียว จึงขอให้ประชาชนเรียกร้องเอาเงินสดเท่านั้น เพราะคนลำบากหนักหน่วง เดือดร้อนกันถ้วนหน้า จะได้ใช้จ่ายสะดวกขึ้น ไม่ถูกบังคับให้เข้าร้านขายปลีกของเจ้าสัวอย่างเดียว เพราะนั่นเป็นการแอบซ่อนประโยชน์ให้กัน"

นายจตุพร ย้ำว่า ส่วนการขายคอนโดฯ ให้ต่างชาติมูลค่า 4 ล้านล้าน หรือการดันให้ตั้งบ่อนคาสิโนมีผลประโยชน์นับล้านล้าน และโครงการแลนด์บริดจ์ที่ต้องสูญเสียที่ดินกว่า 3 แสนไร่ให้ต่างชาติคิดเป็นมูลค่ากอบโกยมากถึง 10 ล้านล้าน โครงการเหล่านี้ล้วนเป็นผลประโยชน์คำโตของนักการเมืองกลุ่มทุนทั้งสิ้น ดังนั้น การสู้กับพวกหาประโยชน์มูลค่ามากมายเช่นนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก จึงขอให้ผู้มีหน้าที่ดีลเข้าประเทศช่วยจัดการอย่าให้มีเรื่องถึงมือประชาชน

“การลงถนนนั้นประชาชนพร้อมหรือไม่กับการยับยั้งโครงการขายแผ่นดินขายชาติเหล่านี้ ที่มีจุดเริ่มต้นจากการแจกดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อนำเงินประเทศมาแจกและจะต้องร่วมรับผิดชอบในความเสียหายแล้ว เราต้องเรียกร้องให้แจกเป็นเงินสดเท่านั้น"นายจตุพร ย้ำ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เกาะกูด’ สงครามที่ ‘ทักษิณ’ ไม่มีทางชนะ จับตาจะถอยอย่างไร ไม่ให้ตัวเองเสียหน้า และ ‘ฮุนเซน’ เสียใจ

ประเด็นเรื่องเกาะกูดเป็นของไทยหรือไม่ นั้น ได้ข้อยุติจากคุณทักษิณเมื่อวานนั้น ว่ารัฐบาลไทยก็เห็นด้วย ว่าเป็นของคนไทย แต่จะเห็น

'อนุทิน' ยันไม่ใส่ใจคำพูด 'ทักษิณ' โชว์ห้าวตะเพิดพรรคร่วมฯ ขอฟังแค่นายกฯอิ๊งค์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการข่าวเที่ยง ทางไทยพีบีเอส ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาพรรคเพื่อ

ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป! สื่ออาวุโส ชี้อำนาจเด็ดขาดนำมาซึ่งการฉ้อฉลแบบเบ็ดเสร็จ

นายเทพชัย หย่อง สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าไม่ต้องอ้อมค้อม ไปต้องปิดบังอีกต่อไป ใครใหญ่ที่สุดตอน