'โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ' แบตเตอรี่ยักษ์กักเก็บพลังงานสะอาด

ความท้าทายในการก้าวข้ามขีดจำกัดของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่กำลังมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นในระบบไฟฟ้าเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ คือ การบริหารจัดการความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงบางช่วงเวลา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงได้พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบ “โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped-Storage)” ทำหน้าที่เสมือนแบตเตอรี่ขนาดยักษ์สำรองพลังงานเสริมให้กับระบบไฟฟ้าในช่วงที่พลังงานหมุนเวียนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง ประชาชนมีไฟฟ้าใช้ในทุกช่วงเวลา

“โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ” คืออะไร

เดิมทีจุดประสงค์หลักของการสร้างอ่างเก็บน้ำของเขื่อน คือ การเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร อุปโภค และบริโภค ส่วนการผลิตไฟฟ้าเป็นเพียงผลพลอยได้จากการปล่อยน้ำผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเท่านั้น กฟผ. จึงพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเพื่อเป็นระบบกักเก็บพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ โดยใช้ระบบน้ำหมุนเวียนระหว่างอ่างเก็บน้ำด้านบนและด้านล่าง จึงไม่ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหายไปและไม่กระทบต่อการใช้น้ำของประชาชน

เนื่องจากหลักการทำงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับจะสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำด้านล่างไปกักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำด้านบนในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อย และปล่อยกลับมาผลิตไฟฟ้าอีกครั้งในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าทดแทนไฟฟ้าจากพลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ที่ขาดหายไปได้อย่างทันท่วงที และมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยถูกที่สุดเมื่อเทียบกับระบบกักเก็บพลังงานรูปแบบอื่นๆ

กระบวนการทำงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ

รุกเดินหน้าระบบกักเก็บพลังงาน รองรับพลังงานสีเขียว

         ปัจจุบัน กฟผ. มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่ 1) เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี กำลังผลิต 360 เมกะวัตต์ 2) เขื่อนภูมิพล จ.ตาก กำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ และ 3) โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์

ตามร่างแผน PDP 2024 กฟผ. มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับที่อยู่ระหว่างศึกษาอีก 3 โครงการ กำลังผลิตรวม 2,480 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี กำลังผลิต 900 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนกะทูน จ.นครศรีธรรมราช กำลังผลิต 780 เมกะวัตต์

สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ กฟผ. ต้องเร่งพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ให้เพียงพอต่อการบริหารจัดการเมื่อพลังงานหมุนเวียนหายไปจากระบบ ซึ่งการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้า ในต้นทุนที่เหมาะสม ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ของประเทศ.

-------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มะม่วงหิมพานต์กับปาฏิหาริย์เรื่องราวแห่งแรงใจจากบ้านหาดไก่ต้อย จังหวัดอุตรดิตถ์

เรื่องราวของ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย จังหวัดอุตรดิตถ์ คือบทพิสูจน์ชั้นดีว่า “ความไม่ยอมแพ้” สามารถเปลี่ยนผืนดินที่แห้งแล้งให้กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้

SAMART แจ้ง 'เทด้า' คว้างานใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 3.2 พันลบ. ดันมูลค่างานในมือพุ่งแตะ 3.7 พันล้านบาท

“เทด้า” คว้างานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 3.2 พันล้านบาท วางแผนเข้าประมูลงานอีกหลายโครงการ ล่าสุดคว้ารางวัล “คู่ค้าดีเด่นประจำปี 2568” จากกฟผ. การันตีองค์กรคุณภาพที่มีมาตรฐานการทำงานสูง

กฟผ. รับลูก รมว.พลังงาน เปิดวอร์รูมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้เร่งด่วน ส่งมอบถุงยังชีพต่อเนื่อง - ดูแลระบบไฟฟ้าให้มั่นคงปลอดภัย

กฟผ. เปิดวอร์รูมปฏิบัติการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมเร่งช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ในพื้นที่โรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา ยืนยันระบบผลิตไฟฟ้ายังมั่นคง รองรับการใช้งานได้ตามปกติ

'พีระพันธุ์' เบรกรัฐบาลหยุดซื้อไฟแพงเกินจริง จี้ต่อรองสัญญาใหม่ อย่าเกรงใจนายทุน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลมีมติเร่งรัดจัดซื้อไฟฟ้าโซลาร์ล็อตใหญ่ในราคาที่สูงกว่าเกณฑ์ปกติ โดยชี้ว่า

พาส่องประสบการณ์งานหลงเสน่ห์บางกรวย ตอน “เมืองต้อง Share, Rare บางกรวย”

“อำเภอบางกรวย” ถือเป็นพื้นที่ที่ติดกับเขตกรุงเทพเลยก็ว่าได้ และไม่ไกลมากหากจะเดินทางไปเยี่ยมเยือน เมืองเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดนนทบุรีแห่งนี้