6 ก.พ.2568 - ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ อท 147,71/2566 ระหว่าง บริษัททรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เป็นโจทก์ ฟ้องน.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จำเลย เรื่อง เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่น True ID ประเภท Over The Top หรือ(โอทีที) ผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่ไม่มีการบริหารจัดการโครงข่ายเป็นการเฉพาะ ซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ไม่เคยกำหนดให้ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มดังกล่าว ต้องขอรับใบอนุญาตจาก กสทช. จำเลยเป็นกรรมการใน กสทช. และได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบโดยกระทำการเร่งรัดสั่งการหรือดำเนินการให้สำนักงาน กสทช. ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ให้บริการประกอบ กิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ในนามสำนักงาน กสทช. ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการทันที โดยที่กสทช. ยังไม่ได้มีการพิจารณา มีมติ หรือมีคำสั่งการในเรื่องดังกล่าว
โดยจำเลยได้กล่าวในที่ประชุม คณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่16 ก.พ.66 ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะล้มกิจการของโจทก์ โดยกล่าวทำนองว่า วิธีการที่เราจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ไปทำที่โจทก์โดยตรง แต่ไปทำที่ช่องรายการที่รับใบอนุญาตจาก กสทช. เป็นการใช้วิธีตลบหลัง โดยในที่ประชุมมีผู้เข้าประชุมไม่เห็นด้วยกับวิธีการของจำเลยเนื่องจากเป็นการกระทำเฉพาะการให้บริการแอปพลิเคชัน True ID ของโจทก์ แต่จำเลยพยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา และก่อนจบการประชุมของคณะอนุกรรมการฯ จำเลยให้เตรียมความพร้อมที่จะล้มหรือระงับการให้บริการแอปพลิเคชั่น True ID ของโจทก์ โดยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะล้มยักษ์"
และ ต่อมาจำเลยได้ให้สำนักงาน กสทช. แจ้งไปยังผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ทุกรายทราบเกี่ยวกับการให้บริการแอปพลิเคชัน True ID ของโจทก์เพียงรายเดียวว่ายังไม่ได้เป็นผู้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์และยังมิได้แสดงความประสงค์ขอรับใบอนุญาตตามขอบเขตการได้รับบริการประเภทโครงข่ายไอพีทีวี โดยการกระทำของจำเลยดังกล่าวทำให้ผู้ที่ได้รับหนังสือแจ้งของจำเลย มีความเข้าใจว่า โจทก์จงใจกระทำผิดกฎหมายไม่แสดงความประสงค์ขอรับใบอนุญาต ทั้งที่จำเลยทราบ ข้อเท็จจริงว่า การให้บริการแพลตฟอร์มโอทีที่ ในรูปแบบแอปพลิเคชัน True ID กสทช. ยังมิได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เป็นการเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID มาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยแอปพลิเคชัน True ID เป็นการให้บริการประเภทผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะหรือโอทีที่ และเป็นการให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วไปซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ไม่เคยกำหนดให้ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มดังกล่าวต้องขอรับใบอนุญาตแต่อย่างใด
จำเลยเป็นกรรมการใน กสทช. มีอำนาจหน้าที่จัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ระหว่างกำหนดการจัดสรรคลื่นความถี่ระหว่างคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม กำหนดลักษณะและประเภทของกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และจำเลยยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์มีอำนาจหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะ ข้อพิจารณา กลั่นกรอง และให้ความเห็นเกี่ยวกับการอนุญาตและกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรทัศน์ รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่ กสทช. มอบหมาย จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 25
ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาต ด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่16 ก.พ.66 จำเลยทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีวาระที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านการให้บริการกล่องรับ สัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และแอปพลิเคชัน True ID โดยในที่ประชุมได้มีการแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะหรือพฤติการณ์ในการให้บริการของ True ID แต่ที่ประชุมยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ประกอบกับที่ประชุมเห็นว่า ปัจจุบันมีผู้ให้บริการในลักษณะโอทีที เช่นเดียวกับ True ID จำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตและไม่ได้รับการกำกับดูแลจาก กสทช. การนำเอาประเด็นลักษณะของการให้บริการของ True ID มาพิจารณาเพียงรายเดียวอาจส่งผลต่อการพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ในอนาคตได้
แสดงให้เห็นว่าในการประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ คราวดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการให้บริการ True ID ของโจทก็ว่าจะต้องขอรับใบอนุญาตจาก กสทช. หรือไม่ อย่างไร อีกทั้งก่อนที่จำเลยจะได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ กสทช. มีข้อมูลระบุว่า บริการ True ID ของโจทก์เป็นบริการโอทีที่และยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายในการกำกับดูแลการประกอบกิจการดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับคำชี้แจง ข้อเท็จจริงของสำนักงาน กสทช.ที่ยื่นต่อศาลในคดีนี้ว่า กสทช. ยังไม่ได้มีการประกาศกำหนดนิยามของคำว่าโอทีทีไว้เป็นการเฉพาะ ต่อมาได้มีหนังสือไปยังผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แต่ปรากฏว่าในวันที่ 28 ก.พ.66 เจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะอนุกรรมการได้จัดทำบันทึกและร่างหนังสือของสำนักงาน กสทช. ตาม เสนอเข้าสู่ระบบงานสารบัญทางคอมพิวเตอร์ของสำนักงาน กสทช. ให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาตามขั้นตอน นาง ก. ซึ่งทำหน้าที่กลั่นกรองงานให้แก่รองเลขาธิการ กสทช. ทำให้นาง ก. ได้สอบถามเหตุผลและความจำเป็นในการทำบันทึกและร่างหนังสือของสำนักงาน กสทช. จะต้องระบุชื่อการให้บริการ True ID ของโจทก์เป็นการเฉพาะ ซึ่งได้รับแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้สั่งการและเร่งรัดให้จัดทำบันทึกและร่างหนังสือดังกล่าว และ กสทช. ได้มีหนังสือไปยังผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ รวม 127 ราย
ต่อมาวันที่ 2 มี.ค.66 มีการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 4/2566 ซึ่งจำเลยได้ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม จำเลยได้มีการต่อว่าและตำหนิฝ่ายเลขานุการที่มีการจัดทำหนังสือ โดยไม่ได้ระบุหรือเจาะจงถึงการให้บริการ True ID ของโจทก์ และในรายงานการประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่3/2566 ไม่ได้มีมติให้สำนักงาน กสทช. จะต้องมีหนังสือแจ้งไปยังผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์โดยระบุเจาะจงถึงบริการ True ID ของโจทก์ แต่ตามบันทึกรายงานการประชุมกลับมีการระบุว่าที่ประชุมมีมติรับรองรายงานการประชุม และเห็นควรมีหนังสือแจ้งผู้ให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ทั้งที่ในความเป็นจริงการประชุมคณะอนุกรรมการ ครั้งที่ 4/2566 ไม่ได้มีมติดังกล่าวแต่อย่างใด อันเป็นการทำเอกสารรายงานการประชุมอันเป็นเท็จ
เมื่อพิจารณาประกอบกับถ้อยคำที่จำเลยได้กล่าวในการประชุมคณะอนุกรรมการ ดังกล่าว ครั้งที่3/2566 ที่ใช้ถ้อยคำทำนองพยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา อีกทั้งก่อนจบการประชุมของคณะอนุกรรมการ จำเลยให้เตรียมความพร้อมที่จะล้มหรือระงับการให้บริการแอปพลิเคชัน True ID ของโจทก์ โดยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์" และจำเลยก็ยอมรับว่า คำว่า "ยักษ์" หมายถึงโจทก์ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการสื่อความหมายชัดเจนว่า ประสงค์ให้กิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เจตนามุ่งประสงค์กลั่นแกล้งโจทก์และใช้อำนาจหน้าที่ของตนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะภายหลังจากมีหนังสือดังกล่าวแจ้งไปยังผู้ประกอบการรวม 127 รายแล้ว มีผู้ประกอบกิจการหลายรายได้ชะลอหรือขยายระยะเวลาเข้าทำนิติกรรมกับโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนพยานหลักฐานของจำเลยไม่มีนำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 จำคุก 2 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากใจถึงใจ... ทีมผู้บริหารทรูลงพื้นที่หาดใหญ่ เร่งช่วยเหลือ พร้อมเติมพลังใจฮีโร่ชุดขาว จิตอาสาด่านหน้า พนักงาน คู่ค้า และชุมชนผู้ประสบภัย
จากสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องชาวใต้เป็นวงกว้าง จนต้องเร่งฟื้นฟูให้ทุกคนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเดินหน้าภารกิจสำคัญในการดูแลช่วยเหลือคนไทย โดยล่าสุด คณะผู้บริหารทรู
ทรู ระดมสรรพกำลัง เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัยพี่น้องชาวใต้ ส่งฝูงโดรน 20 ลำเสริมภารกิจ มอบถุงยังชีพ อาหาร–น้ำดื่ม–พาวเวอร์แบงค์ ดูแลการสื่อสารลูกค้าทรู–ดีแทค พร้อมเคียงข้างคนไทย ก้าวข้ามฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – เมื่อหลายจังหวัดในภาคใต้ต้องเผชิญกับอุทกภัยจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะเทคคอมปานีไทยที่พร้อมยืนหยัดเคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์ ได้เร่งระดมกำลังเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้
ทรู เชื่อมโลกกีฬากับดิจิทัล เดินหน้า ‘Up สัญญาณ Up ความสุข’ ไลฟ์สด “หมอนทองวิทยา–อบจ.ชัยนาท” อัพประสบการณ์เทคไลฟ์สไตล์สุดล้ำ จากสนามหญ้า สู่ ทรูแบรนดิ้งช้อป สยามสแควร์
เทคโนโลยีที่ดีที่สุด.. ต้องสร้าง“ความสุข”ให้ผู้คนได้อย่างแท้จริง...ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดบ้านต้อนรับทีมฟุตบอลเยาวชนจากโรงเรียนหมอนทองวิทยา จังหวัดฉะเชิงเทรา และโรงเรียน
'วิโรจน์' จี้ถาม 'ธปท.-กสทช.' ถ้า ปชช.ดนสแกมเมอร์หลอก จะไปขอหน่วยงานไหนรับเรื่อง
วิโรจน์ บอกมาตรา 8/10 พ.ร.ก.ไซเบอร์ ฉบับที่ 2 กำหนดให้ธนาคาร และเครือข่ายมือถือร่วมรับผิดชอบ
NT ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และ กสทช. เปิดบริการ ‘สายด่วน 1818’
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดให้บริการ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน “1818” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
ทรู สนับสนุนกสทช.และตำรวจ ร่วมสกัดขบวนการ SIMBOX ลดช่องโหว่ความเสี่ยงด้านอาชญากรรมไซเบอร์ และเสริมมาตรฐานความปลอดภัยดิจิทัลของประเทศ
ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันภัยไซเบอร์และโทรหลอกลวง. ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในโลกดิจิทัลของประเทศ


