ฟันธง! ถ้าดีเอสไอไม่ถอย สว.ยื่นถอดถอน 'อุ๊งอิ๊ง' ผิดจริยธรรมร้ายแรงกรณีธรณีสงฆ์

25 ก.พ.2558- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า ท่วงทำนองของทักษิณ ชินวัตร จะเจรจาการเมืองอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนั้นต้องเจรจาในพื้นที่ตัวเอง คือ บ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นหลัก
ดังนั้น ข่าวหลุดนัดเคลีย์ใจกับนายเนวิน ชิดชอบและนายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยที่โรงแรมพูลแมน ถิ่นนายเนวินนั้น ถ้าทักษิณเป็นต่อจะไม่ไปพูดคุยนอกถิ่นด้วย ดังนั้นการเมืองที่เล่นกันแรงขณะนี้ หากจะเจรจากันต้องเป็นสถานที่ที่ทักษิณกำหนด ซึ่งสุดท้ายข่าวเจรจากันวันนี้ (24 ก.พ.) จึงไม่มีภาพปรากฎว่าได้คุยกันจริงหรือไม่

ที่น่าสนใจคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย หรือบิ๊กอ้วน รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ประธานบอร์ดคดีพิเศษ ที่จะประชุม 25 ก.พ.นี้ หากจะรับคดี 138 สว.เป็นคดีพิเศษต้องได้เสียงกรรมการบอร์ด 2 ใน 3 หรือเกินกว่า 14 เสียงจากจากกรรมการทั้งหมด 22 คน อย่างไรก็ตาม คดี สว. 138 คนได้บรรจุในวาระการประชุมแล้วหรือไม่ ถ้ามีวาระแล้วที่ประชุมจะมีเสียงเกิน 14 เสียงให้รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่สถานการณ์เช่นนี้จึงต้องติดตาม

“ถ้าบอร์ดรับเรื่องให้เป็นคดีพิเศษในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) จะมีผลต่อการสังสรรค์ในช่วงเย็นวันเดียวกันของพรรคร่วมอย่างไร ซึ่งคาดคงกร่อยสนิท แต่ต้องไม่ลืมว่า ถัดไปอีก 2 วัน (ประมาณ 27 ก.พ.) ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และถ้าเรื่อง สว.เลี้ยวกลับเหมือนการตรวจสอบที่ดิน สปก.รีสอร์ทไร่ภูนับดาว ย่อมเกิดการวนซ้ำและเริ่มกันใหม่อีก”

นายจตุพร กล่าวว่า การวนซ้ำทางการเมืองของ สว.นั้น ถ้าการเมืองเดินเกมต่อรองสารพัด ต้องไม่ลืมว่า การได้มา สว.เมื่อปี 2567 ลงท้ายหนักที่สุดเป็นโมฆะ แล้วจะได้ สว.ชุดเดิมมาทำหน้าที่รักษาการเพื่อรอเลือก สว.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่

อีกทั้งกล่าวว่า ปัญหาการเลือก สว.นั้น มาจาก รธน. 2560 ออกแบบพิเรนทร์ไว้ โดยให้คนสมัคร สว.เพื่อไปโหวตไขว้เลือกคนอื่นจนปวดหัว แล้วจะได้คนพันธุ์แบบไหนมาเป็น สว. ดังนั้น ถ้าไม่จัดตั้งกันแล้วคนมีชื่อเสียงคงไม่ตกหล่นร่วงกันระนาว ดังนั้น แบบการเลือก สว. จึงออกมาให้ผู้สมัครจัดคนมาฮั้วกันเอง

“ถ้าบอร์ดคดีพิเศษไม่ถอย รับเรื่อง สว.เป็นคดีพิเศษ จะเห็นการตอบโต้ของ สว.ยื่นถอดถอน รมว.ยุติธรรม แต่ผมเชื่อว่าของจริงจะเป็นการจัดการนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ซึ่งเป็นหัวใจของเรื่อง โดย สว.จะเข้าชื่อร้องต่อศาล รธน.เอาผิดจริยธรรมร้ายแรงกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ เจอดอกนี้ไปตายเลย”

อย่างไรก็ตาม กระบวนการถ้ารับคดี สว.เป็นคดีพิเศษแล้ว มีขั้นตอนใช้เวลาสืบสวน สอบสวน และต้องยื่นให้อัยการสั่งฟ้อง (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.120 ประกอบ ม.2) แล้วยังสู้กันอีกยกหนึ่งจนกว่าจะไปถึงศาล ส่วน สว. แค่เข้าชื่อส่งเรื่องถึงศาล รธน. ซึ่งจะมีความรวดเร็วแตกต่างกัน โดยมีกรณีถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกฯ เป็นตัวอย่าง

อีกอย่างถ้า สว.ถูกข้อหาอั้งยี่-ซ่องโจรจริงแล้ว กกต.ต้องรับผิดอย่างเต็มตัว เพราะไปรับรองคนแบบอั้งยี่-ซ่องโจรมาเป็น สว.ได้อย่างไร ซึ่งอาจต้องติดคุกหนักกว่าคนอื่น ดังนั้น กรณี สว.จะลามขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และรัฐบาลก็เลี่ยงผลกระทบไม่พ้นเช่นกัน ซึ่งจะเกิดความโกลาหลทางการเมืองขึ้น

“ถ้าเอาจริงและพร้อมแตกหักแล้ว หากดูเวลาคงเผื่อไว้บ้าง 50 ต่อ 50 ว่า อาจเป็นแค่เทคนิคในการต่อรองก็ได้ เพราะพรรคเพื่อไทย เป็นพวกเทคนิคเยอะ ดังนั้น การประชุมบอร์ดคดีพิเศษ ต้องรอดูผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร เราจึงอธิบายปรากฎการณ์ทางการเมืองถัดจากนั้นได้ แต่แน่นอนงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล อาหารคงเหลือกันจมแน่”

นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้เป็นปัญหาของหัวหน้าพรรคและเลขาพรรค แต่เพื่อไทยและภูมิใจไทยมีขุนอยู่นอกกระดานทั้งสองฝ่าย และมีท่วงทำนองไปสู่เป้าหมายไม่เหมือนกัน ส่วนพรรคฝ่ายค้าน พรรคประชาชนแสดงจุดยืนชัดเจนไม่เข้าร่วมรัฐบาล จึงทำให้พรรคเพื่อไทยไม่มีพรรคอะไหล่ไว้ดึงเข้ามาเสริม ดังนั้น ปัญหาจึงวนกันอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดิม การต่อรองจึงเกิดขึ้นและอยู่ว่า ใคร พรรคใดจะใจแข็งกว่ากัน

สิ่งสำคัญพรรคภูมิใจไทยเรียนรู้เท่าทันการเมืองว่า จะอยู่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยของทักษิณ ที่เป็นขุนนอกกระดานได้อย่างไรจึงจะรอดและเดินต่อได้ เมื่อวันนี้พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นลูกน้อง แต่อยู่ในฐานะหุ้นส่วนการเมือง ดังนั้น การถูกปลดออกย่อมยากอย่างยิ่ง ทั้งหมดทั้งปวงจึงอยู่ที่การต่อรองกัน

“ถ้านายเนวิน นายอนุทิน ยิ่งอ่อนแอมากแค่ไหน ก็จะถูกทักษิณกดหัวมากเท่านั้น ดังนั้น เมื่อไม่ยอมถูกกดจึงต้องเดินเกม เพราะเรื่องข้างหน้าทั้งกรณีตั้งบ่อนกาสิโน การพนันออนไลน์จะยอมเสี่ยงด้วยหรือไม่ เรื่องแลนด์บริดจ์ขายที่ดินให้ทุนต่างชาติ 99 ปี และผลประโยชน์พลังงานร่วมกับกัมพูชา หรือ ร่าง พรบ.ศูนย์กลางทางการเเงินเข้าสภาเขาจะย่อมเสี่ยงด้วยหรือไม่”

นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการประชุม ครม.หรือสภา พรรคการเมืองล้วนรู้ดีว่า ศักยภาพการนำอยู่ที่ทักษิณ ถ้าทักษิณมีอันเป็นไปโดยถูกผลตรวจสอบของแพทยสภาลงโทษดาบแรกกับแพทย์ รพ.ตำรวจและราชทัณฑ์ แล้วเชือดซ้ำจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ถ้าทักษิณกลับไปติดคุกหรือออกนอกประเทศอีกรอบ นายกฯ อุ๊งอิ๊งก็ไม่สามารถคุมสภาพรัฐบาลได้

สิ่งสำคัญเมื่อการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลถ้าเป็นการละครที่ทำซ้ำอีก คนดูจะเบื่อและจะเขวี้ยงเอา อีกทั้งเดือนหน้าเรื่องบ่อนกาสิโน เรื่องทักษิณ ชั้น 14 และเรื่องของ 44 สส.ก้าวไกลเดิมจะจ่อกันตามลำดับ จึงเป็นสถานการณ์ที่ประเดประดังมารวมกัน ใครใจแข็งก็รอด

“ดังนั้น ใครคิดสั้นก็จอด และนักการเมืองรู้ว่า จะตามใจทักษิณทุกเรื่องไม่ได้ เพราะลูกน้องทักษิณระดับรองนายกฯ ถึง 3 คน รัฐมนตรีและข้าราชการอีกนับไม่ถ้วนก็ติดคุกมาแล้ว และจะให้ไปแบกรับในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างนั้นเหรอ จะให้มารับแรงกระแทกร่วมด้วย เขาจะไหวเหรอ”

อีกทั้งกล่าวว่า ความเป็นจริงแล้ว สมการตั้งรัฐบาลแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นมาแต่ต้นแล้ว เพราะไม่ตรงกับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน จึงทำให้เห็นร่องรอยปริแยกเป็นระยะ ดังนั้น จึงต้องรอดูผลการประชุมบอร์ดคดีพิเศษจะเอาอย่างไร จะสู้หรือถอยทางเทคนิคการละครเพื่อต่อรองกัน

ส่วนการไปจังหวัดนราธิวาส ชายแดนใต้ของทักษิณนั้น คนซวยคือนายวันนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่ยกมือไหว้ทักษิณ จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่พอใจ ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ทักษิณ พูดขออภัยกับเหตุการณ์ตากใบ แต่ไม่ได้ขอโทษทางการเมืองที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตจากนโยบายของรัฐบาลเมื่อปี 2547 อีกทั้ง ทักษิณมีความมั่นใจอะไรว่า จะดับไฟใต้ให้มอดลงเพื่อสร้างสันติสุขในปี 2568 เพราะยังไม่มีรูปธรรมให้เห็นจากนายกฯ และยิ่งทักษิณเคลื่อนไหวมาก นายกฯ ก็ยิ่งไม่มีความสำคัญไปทุกขณะ

นายจตุพร กล่าวว่า จะใช้นโยบาย 66/23 มาดับไฟใต้นั้น จะต้องเริ่มต้นจากความไว้เนื้อเชื่อใจกันเสียก่อน จึงสามารถคุยกันเข้าใจและรู้เรื่อง ที่สำคัญการแก้ปัญหาความไม่สงบผู้นำต้องมีใจที่ใหญ่พอ จึงจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ อีกอย่างทักษิณ ไม่มีบารมีเหมือน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และมากความจริงใจแบบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในการสร้างสันติสุข

“ผมไม่เชื่อว่าทักษิณจะแก้ปัญหาชายแดนใต้ได้ เพราะทักษิณ ยุคพรรคไทยรักไทยได้ก่อปัญหาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547 จนลุกลามมาถึงทุกวันนี้ คำพูดจะยุติในปี 2568 นั้น ทักษิณ มีหน้าที่อะไร ใครจะเชื่อถือ และจะได้อยู่แก้ปัญหาหรือไม่”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง

เอาแล้ว 'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้าน ระวังทำรัฐบาลพัง

'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้านระวังทำรัฐบาลพัง แนะน้ำท่วมใต้จากพายุชื่อเหมือนกันต้องเป็นธรรม ชดเชยเท่ากัน อย่าคิดแบบเขลาๆ แถเอาแต่สถานการณ์ฉุกเฉินมาอ้าง จะเกิดเหตุไม่พอใจ ลุกลามไปกันใหญ่

ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ

"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย

'จตุพร' แนะ แก้รธน.ต้องกินทีละคำอย่าเหลี่ยมคูกินทีละกะละมัง สุ่มเสี่ยงถูกคว่ำล้มครืนลง

'จตุพร' แนะการเมืองยึดมติ กมธ. ปมผ่านแก้ รธน.วาระสอง เตือนอย่าชิงเหลี่ยมคู ขอให้กินทีละคำอย่าโลภอยากกินทีละกะละมัง หวั่นถูกคว่ำจบเห่ ย้ำฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ลงมติ ม.152 ดีกว่าซักฟอก 151 ชี้เวลาเหมาะอภิปรายช่วงสัปดาห์สุดท้าย มกรา 69 พูดเสร็จได้ยุบสภาเลย

รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ

รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน

จ่อฟันซ้ำ! 'ผบ.คุก - 19 ผู้คุม' พักราชการ-ให้ออกไว้ก่อน

'โฆษกกรมราชทัณฑ์' เผยอีก 1-2 วันนี้ เตรียมเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 'ผบ.เรือนจำฯ-จนท.' รวม 20 ราย ส่อ 'พักราชการ-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ 'ดีเอสไอ' ลุยสอบปากคำเก็บหลักฐานมัดผิด