ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งฝ่ายค้านยื่นญัตติมาตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ยังเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากญัตติยังไม่ได้รับการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภา
ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาของการอภิปรายหรือความครบถ้วนของข้อมูลที่ฝ่ายค้านได้ยื่นเสนอต่อสภา แต่กลับเป็นเรื่องที่อยู่เบื้องหลังญัตติ-ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ถูกบรรจุในญัตติของฝ่ายค้าน กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ฝ่ายรัฐบาลต้องยื้อการอภิปรายออกไป
“วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนกรานว่าหากฝ่ายค้านไม่ถอดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติ จะไม่มีการบรรจุวาระนี้เข้าสู่การพิจารณา เพราะถือว่าเป็นการพาดพิงบุคคลภายนอก ซึ่งขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภาและเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องในภายหลัง
การปฏิเสธญัตติเพราะมีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของข้อบังคับทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามของฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่พยายามปิดบัง-กลบเกลื่อนข้อเท็จจริงสำคัญที่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชักใยรัฐบาลและแพทองธารเพียงแต่ทำหน้าที่ “นายกฯ หุ่นเชิด”
ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน” ก็ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ถอดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติ ด้วยเหตุผลที่ว่า ทักษิณไม่ใช่เพียง “บุคคลภายนอก” แต่ยังมีบทบาทโดยตรงในการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่การแต่งตั้งบุคคลสำคัญในรัฐบาล ไปจนถึงการกำหนดนโยบายหลักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นี่คือประเด็นที่ฝ่ายค้านต้องการเปิดเผยในศึกซักฟอกครั้งนี้
หากไม่สามารถหาข้อสรุปได้ในเร็วๆ นี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจไม่เกิดขึ้น เนื่องจากสมัยประชุมสภาจะปิดลงในวันที่ 11 เมษายน หากยังไม่สามารถบรรจุญัตติได้ ฝ่ายค้านจะพลาดโอกาสในการตรวจสอบรัฐบาล และรัฐบาลก็จะรอดพ้นจากการถูกซักฟอกโดยอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นการเสียโอกาสครั้งใหญ่สำหรับประชาชนที่จะไม่ได้รับการตรวจสอบที่จำเป็นนี้
ทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้ คือการเจรจาต่อรองทางการเมือง ฝ่ายค้านอาจต้องยอมถอดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติ เพื่อให้การอภิปรายสามารถดำเนินต่อไป และขอเพิ่มวันอภิปรายเป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งวัน แทนที่จะจำกัดกรอบการอภิปรายไว้แค่วันเดียวตามที่พรรคเพื่อไทยต้องการ
การขอเพิ่มเวลามากกว่าหนึ่งวันไม่ใช่แค่การต่อรองทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นการทดสอบ “สปิริต” ของพรรคเพื่อไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีชื่อนายทักษิณในญัตติ การอภิปรายก็ยังสามารถใช้เทคนิคการพาดพิงแบบอ้อม ๆ ได้ กฎหมายไม่ได้ห้าม สส. กล่าวถึงบุคคลภายนอกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพียงแต่ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตน หากเกิดความเสียหาย บุคคลที่ถูกพาดพิงสามารถฟ้องร้องได้ และเอกสิทธิ์ของ สส. ไม่สามารถคุ้มครองได้
หากฝ่ายค้านต้องการเปิดเผยบทบาทของทักษิณ ก็สามารถใช้วิธีการพาดพิงทางอ้อมได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือและความเจนจัด ของ สส. ฝ่ายค้าน ในการอภิปราย
หากการอภิปรายสามารถเชื่อมโยงนโยบายและคำสั่งต่าง ๆ กับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในโครงสร้างของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ประชาชนเห็นภาพชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ชักใยครอบงำรัฐบาลและนายกฯ แพทองธาร แม้จะไม่เอ่ยชื่อทักษิณ
ด้วยเหตุนี้ “ชายไทยไม่ทราบชื่อ” อาจกลายเป็น "ตัวละครเอก" สำคัญที่มีบทบาทในศึกซักฟอกครั้งนี้ แม้ว่าชื่อของทักษิณจะไม่ได้ถูกกล่าวถึงโดยตรง แต่การอภิปรายครั้งนี้ไม่เพียงแค่การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล แต่ยังเป็นการเปิดเผยเบื้องหลังการเมืองที่อาจทำให้ประชาชนตระหนักถึงอำนาจที่แท้จริงอยู่เบื้องหลังรัฐบาลแพทองธาร
คำถามสุดท้ายที่อาจสำคัญที่สุดในครั้งนี้ คือ “ฝ่ายค้านควรยอมถอดชื่อทักษิณหรือไม่?” แต่ในมุมมองของหลายฝ่าย คำถามที่จริง ๆ ควรถามอาจเป็น “ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากเงาของเขาได้จริงหรือ?”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE เสียงของคน 'เมืองหลวง' ด่านอรหันต์ พลิกเกม ปชป. | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568
พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (31)
ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475
รัฐบาลพรรคเดียวในทางทฤษฎี กับการเมืองจริงของพรรคส้ม
พรรคประชาชน หรือที่ถูกเรียกกันทั่วไปว่า “พรรคส้ม” ตั้งเป้าหมายทางการเมืองไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการได้เสียงเกินครึ่งสภา มากกว่า
สถานการณ์แรงงานข้ามชาติปี 2568 จับตาพรรคการเมืองปั่นกระแส บิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีทางการเมือง
เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2568 หลายภาคส่วนมีการวิเคราะห์-สรุปสถานการณ์ในด้าน”การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี
ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ บทบาทใหม่ บนถนนการเมือง หวั่นใช้ทุนเทาซื้อเสียงเลือกตั้ง!
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง ประเทศไทย"กรุงเทพมหานคร"เป็นอีกหนึ่งสนามเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศจับตามองกันว่าผลการเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 "พรรคประชาชน"
'เพื่อไทย' ต้อนรับว่าที่ผู้สมัคร สส. 3 เขตโคราช
ที่พรรคเพื่อไทย นำโดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย

