อย่าถึงขั้นต้องคืนตั๋ว! 'หนานแม้ว-บังนอร์' กับ 'พรรคเด็กดื้อ' เล่นเกมสุดโต่ง

การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นกลไกสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ที่เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านมีบทบาทในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

อย่างไรก็ตามบริบทการเมืองไทยในปัจจุบัน กลไกนี้ดูเหมือนจะถูกลดทอนความสำคัญลง กลายเป็นเพียงการ “เล่นเกมการเมือง” ที่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ

ปัญหาของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาสาระหรือข้อเท็จจริงที่ฝ่ายค้านต้องการตรวจสอบ

หากแต่สะท้อนถึงความคับแคบทางการเมืองของ “หนานแม้ว” ทักษิณ ชินวัตร, “บังนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา และความหัวชนฝาของ “พรรคเด็กดื้อ” พรรคประชาชน ที่แต่ละฝ่ายต่างเลือก “เดินเกมสุดโต่ง” จนทำให้กระบวนการตรวจสอบในสภาเสี่ยงที่จะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเคยสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองอาวุโสที่ยึดมั่นในหลักการ เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายตรวจสอบรัฐบาล กลับกลายเป็นเหมือน “ปราการด่านสำคัญ” ในการปกป้อง “หนานแม้ว” อย่างออกหน้าออกตา?  เมื่อถึงคราวต้องจัดการกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พาดพิงถึง “ทักษิณ” 

เหตุผลที่วันนอร์ใช้ในการกันชื่อทักษิณออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็น “บุคคลภายนอก” ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภา แม้จะมีน้ำหนักในทางกฎหมาย

แต่ในทางการเมือง การตัดสินใจนี้นอกจากจะตอกย้ำข้อครหาที่ว่า รัฐบาลและแพทองธารคือ “รัฐบาลตัวแทน” และ “นายกฯ หุ่นเชิด” ที่ทักษิณเป็นผู้กำกับเบื้องหลัง

ยังอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชาติ และ “ทักษิณ-วันนอร์” โดยเฉพาะ ในกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เป็นอย่างดีว่า ท่านได้แต่ใดมา?

ในทางกลับกัน พรรคประชาชน ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ก็เลือกที่จะ “เดินเกมหัวชนฝา” โดยการยืนยันใส่ชื่อทักษิณในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่รู้ดีว่า แม้ไม่มีชื่อทักษิณอยู่ในญัตติก็สามารถอภิปรายพาดพิงได้อยู่แล้ว

การยืนกรานไม่ถอดชื่อ “ทักษิณ” อาจทำให้พรรคประชาชนดูเป็นพรรคที่ไม่ยอมใครง่ายๆ แต่วันนี้สังคมเริ่มมองเห็นแล้วว่า เป็นพรรคที่เลือกเดินเกมที่ไม่จำเป็น และขาดความยืดหยุ่น “เลือกต่อสู้แบบไม่คำนึงถึงยุทธศาสตร์ที่ได้ผลจริง”

หากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มเหลว หรือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ความเสียหายจะไม่ใช่แค่พรรคประชาชน แต่จะเป็นความล้มเหลวของระบบตรวจสอบในระบอบประชาธิปไตย ที่พรรคประชาชนเองมิใช่หรือที่ยึดมั่นถือมั่นในระบบนี้?

ด้วยเหตุนี้ เมื่อสภาจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 11 เมษายน และรัฐบาลจะต้องรับทราบญัตติในคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 18 มีนาคม หากไม่สามารถหาข้อสรุปได้ในสัปดาห์นี้ อาจหมายความว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จะไม่เกิดขึ้นเลย

หากเป็นเช่นนั้นจริง ประชาชนจะตั้งคำถามว่า ฝ่ายค้านต้องการตรวจสอบรัฐบาลจริง หรือเพียงแค่เล่นเกมการเมืองเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตนเอง?

เมื่อ “หนานแม้ว” และ “บังนอร์” เลือกที่จะปิดกั้นการตรวจสอบ ขณะที่ “พรรคเด็กดื้อ” ยืนกรานแบบหัวชนฝา ไม่มีความยืดหยุ่น สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการทำลายภาพลักษณ์ ของกระบวนการตรวจสอบในระบอบประชาธิปไตยอย่างรุนแรง

“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” นักการเมืองมากประสบการณ์ เปรียบเทียบสถานการณ์นี้ไว้ได้อย่างคมคายว่า:

“หากเป็นหนังฉาย ผมก็เหมือนคนซื้อตั๋วเข้าไปดูหนัง ปูเสื่อนั่งรอแล้ว อยู่ๆ เจ้าของหนังบอกว่า คืนนี้ไม่ฉาย ไม่พอใจคนเมาหน้างาน คนเมาบอกว่าเปิดเสียงดังไป พ่อเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านนอนไม่หลับ ให้เบาเสียงลงหน่อย แต่เจ้าของหนังไม่ยอมเบาเสียง และไม่ยอมฉายหนัง แต่จะใช้วิธีคืนตั๋วให้ผู้ชม เอ้า!! ผมเป็นคนดูก็เหมือนถูกหลอกสิ”

ฉายภาพให้เห็นได้ชัดว่า ฝ่ายค้านที่งอนจนเกินงาม และรัฐบาลที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ตรวจสอบ ทำให้ประชาชนที่อยากเห็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ถูกหลอก” เพราะสุดท้าย อาจไม่มีการฉายหนัง ไม่มีการอภิปราย และไม่มีการตรวจสอบใดๆ เกิดขึ้นเลย

ถึงกระนั้น ยังมีโอกาสที่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นจริง หากทุกฝ่ายสามารถลดเงื่อนไขที่ไม่จำเป็นลง และใช้หลักเหตุผลมากกว่าอุดมการณ์ของการปกป้องใครบางคนหรือความดื้อรั้นของพรรคการเมือง

หาก “วันนอร์” สามารถรักษาความเป็นกลาง มากกว่านี้ และหาก “ทักษิณ” ที่ชอบ “เสือกทุกเรื่อง” อยู่แล้วใจกว้างเพียงพอ และหากพรรคประชาชนยอมปรับกลยุทธ์โดยไม่ยึดติดกับความคิดที่ต้อง “ชนทุกอย่าง”

กระบวนการซักฟอก หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการปิดสมัยประชุมสภาอย่างแน่นอน แต่หากทุกฝ่ายยังเลือกเดินในแนวทางสุดโต่ง ความเสียหายจะตกอยู่กับระบบตรวจสอบทางการเมืองเอง และสุดท้าย คนที่ต้อง “คืนตั๋ว” ก็คือประชาชน ที่ถูกบั่นทอนความหวังในการเห็นกระบวนการตรวจสอบที่แท้จริงในสภาไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทรงอำนาจ! เผยโฉม 6 โปลิตบูโรพรรคส้ม กำหนดชะตาผู้สมัครส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชนถึงการคัดสรรตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรค โดยพรรคประชาชนจะมีการประชุมว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั่วปร

‘สมชาย’ ซูฮก ‘ลูกชาย’ มั่นใจทำงานเพื่อชาติได้ โตขนาดนี้แล้วต้องปล่อยอิสระ ‘พ่อ-แม่’ จะอยู่เบื้องหลัง

ที่พรรคเพื่อไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะบิดานายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอชื่อ นายยศชนัน เป็นแ

กระทบมั่นคงชาติ! เปิดเหตุผลศาลสั่งคุก ‘จิรัฏฐ์’ เจตนาใช้เอกสารราชการปลอม

เปิดเหตุผลศาลอาญา ระบุการกระทำของจำเลยส่งผลต่อกระทรวงกลาโหมและประชาชน กระทบความมั่นคงของชาติ เห็นว่ามีเจตนาใช้เอกสารราชการปลอม เข้าข่ายความผิดกรรมเดี

เอาแล้ว! นักวิชาการหนุนพรรคประชาชน ยก 2 เหตุผล จี้ ‘เท้ง’ ไขก๊อกพ้นหัวหน้าพรรค

“ไชยันต์ รัชชกูล” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งแสดงตัวเป็นผู้สนับสนุนพรรค

ระทึก! ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีปลอมใบ สด.43 อดีต สส.แปดริ้ว พรรคส้ม

ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีอดีต สส.พรรคประชาชน ถูกกล่าวหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ใบผ่านการเกณฑ์ทหาร สด.43 และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์