'แม้ว' โวสนั่น ดิจิทัลวอลเล็ตเต็มระบบมาแน่ปีนี้ ดันสเตเบิลคอยน์-ดิจิทัลเอ็มบาสซี่ ตั้งไทยเป็น AI ฮับ

‘ทักษิณ ชินวัตร’ ขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์โวเหมือนเดิม ‘ดิจิทัลวอลเล็ตเต็มระบบ’ มาแน่ในปีนี้ พร้อมเร่งผลักดัน ‘สเตเบิลคอยน์’ เสร็จใน 3 เดือน ตั้งเป้าดึงดูดนักลงทุน-นักท่องเที่ยว ด้าน AI เตรียมใช้ช่วยแพทย์ หลัง รพ. ขาดบุคลากร แย้มฝันตั้ง ‘ดิจิทัลเอ็มบาสซี่’ กลางกรุงใน 1 ปี

15 มีนาคม 2568 - ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกล่าวเสวนาในหัวข้อ “โอกาสและอนาคตของการลงทุน” ในงานกาลาดินเนอร์ของงานสัมมนา “The World’s Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต” โดยเนื้อหาการเสวนามุ่งเน้นไปที่แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยี AI และการลดต้นทุนพลังงาน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

ในช่วงหนึ่งของการเสวนา พิธีกรได้ตั้งคำถามถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับโลกและระดับภูมิภาค นายทักษิณกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี่ โดยมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินการเรื่องนี้ และยังมีแผนจัดตั้ง “แซนด์บ็อกซ์” ที่ภูเก็ตเพื่อใช้คริปโตเคอเรนซี่และสเตเบิลคอยน์เป็นสกุลเงินแลกเปลี่ยน

“ปัจจุบันเรากำลังทำดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อปูทางไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล นำดิจิทัลไอดีให้ประชาชนใช้ และเราจะสร้างบล็อกเชนของประเทศ ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายในปีนี้แน่นอน” นายทักษิณกล่าว พร้อมย้ำว่าโครงการสเตเบิลคอยน์ที่มีการรองรับจากพันธบัตรรัฐบาลจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

นอกจากนี้ นายทักษิณยังกล่าวถึงแนวทางดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะศูนย์ข้อมูล (Data Center), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบคลาวด์ ซึ่งเขาเชื่อว่าไทยสามารถแข่งขันในตลาดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับราคาพลังงานที่สูงในประเทศ ทำให้จำเป็นต้องลดต้นทุนพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานสีเขียว เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้

“ถ้าเราทำให้ราคาพลังงานถูกลง เราจะสามารถดึงดูดนักลงทุน AI และเทคโนโลยีขั้นสูงได้” นายทักษิณกล่าว พร้อมเน้นว่า AI กำลังมีบทบาทสำคัญ และไทยต้องพัฒนาคนให้มีความรู้ด้านนี้อย่างจริงจัง โดยยกตัวอย่างว่าหากโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกลมีแพทย์ไม่เพียงพอ AI สามารถเข้ามาช่วยวินิจฉัยโรคได้

เมื่อถูกถามถึงอนาคตของประเทศไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้า นายทักษิณกล่าวว่า เขาต้องการให้มีพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่สามารถพัฒนาเป็น “ดิจิทัลเอ็มบาสซี่” หรือสถานทูตดิจิทัล ที่สามารถรองรับบริษัทเทคโนโลยีจากหลายประเทศ และทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาค

ช่วงท้ายของการเสวนา มีผู้ร่วมงานสอบถามถึงแนวทางพัฒนาโครงสร้างพลังงานของไทย นายทักษิณระบุว่า เทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์มีการใช้งานแล้วในหลายประเทศ เช่น จีนและญี่ปุ่น แต่ยังมีต้นทุนที่สูง ในขณะที่พลังงานสีเขียว เช่น โซลาร์เซลล์ มีต้นทุนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอาจเหลือเพียง 1 บาทต่อหน่วย หากมีการลงทุนอย่างเหมาะสม

“เราต้องลดต้นทุนพลังงานให้ได้ ถ้าจาก 11 เซนต์ เหลือ 8 เซนต์ เราสู้ได้ แต่ถ้าให้ต่ำกว่านั้น ต้องวางแผนระยะยาว” นายทักษิณกล่าว พร้อมเสนอให้ใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) เพื่อบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นายทักษิณยังกล่าวถึงนโยบายด้านดิจิทัล โดยยกตัวอย่างโครงการแท็บเล็ตนักเรียนสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ถูกยกเลิกหลังรัฐประหาร และกล่าวว่าวันนี้ไทยมีโอกาสพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มที่หากมีการเตรียมบุคลากรให้พร้อม โดยเฉพาะในยุค AI ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมหาศาล

“ถ้าเราไม่นำเทคโนโลยีเข้ามา ก็จะล้าหลัง เราต้องทำให้ต้นทุนพลังงานต่ำที่สุดเพื่อแข่งขันได้” นายทักษิณกล่าวย้ำก่อนจบการเสวนา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Jobsdb กับโซลูชันหางานสุดล้ำด้วย AI — ค้นเจองานที่ใช่ ครอบคลุมทุกพื้นที่

ถ้าเคยเลื่อนหางานจนหน้ามืด เปิดดูประกาศทีเป็นสิบ แต่ตำแหน่งที่ขึ้นมากลับไม่ตรงใจสักอย่าง แถมบางงานก็ไกลเกินเดินทางไม่ไหว จนรู้สึกว่า

‘ศุภจี’จับมือ 4 ยักษ์เทคโนโลยียกระดับบริการพาณิชย์

‘ศุภจี’จับมือ 4 ยักษ์เทคโนโลยีระดับโลก Amazon-Google-Huawei-Microsoftปฏิรูประบบบริการ MOC Plus กระทรวงพาณิชย์ ยกระดับบริการภาครัฐสู่มาตรฐานใหม่ โปร่งใส รวดเร็ว บริการครบวงจร เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจ

'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'

ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้